ค่าเงินบาทวันนี้ 30 มี.ค. 66 เปิดที่ระดับ 34.16 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง

ค่าเงินบาทวันนี้ 30 มี.ค. 66 เปิดที่ระดับ 34.16 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง

ค่าเงินบาทวันนี้ 30 มี.ค. 66 เปิดที่ระดับ 34.16 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ค่าเงินบาทไทยวันนี้ 30 มี.ค. 66 เปิดที่ระดับ 34.16 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.00-34.30 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.16 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า แนวโน้มค่าเงินบาท ค่าเงินบาทเคลื่อนไหว sideways หลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นในวันก่อนตามแนวโน้มธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยในช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทมีจังหวะผันผวนแข็งค่าขึ้นบ้างตามการรีบาวด์ของราคาทองคำ ก่อนที่จะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ

ส่วนในวันนี้ มองว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways ในช่วง 34.00-34.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยอาจมีจังหวะแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ตามฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี แนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารแห่งประเทศไทยอาจทำให้ผู้เล่นต้างชาติบางส่วนทยอยขายทำกำไรบอนด์ไทยได้ (อาจเห็นยอดขายบอนด์สุทธิได้ในระยะสั้น) ขณะที่ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า อาจมาจากทิศทางเงินดอลลาร์และราคาทองคำ โดยเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้ (ส่วนราคาทองคำอาจย่อตัวลงต่อ) หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง

ในช่วงนี้คงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ทำให้มองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.00-34.30 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อีกครั้ง นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Semiconductor/Chip หลังบริษัท Micron Technology ได้ประกาศคาดการณ์รายได้และผลกำไรที่ดีกว่าที่คาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่ออุตสาหกรรม Semiconductor ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจได้อานิสงส์จากกระแสการใช้งาน AI นอกจากนี้ ความกังวลปัญหาระบบธนาคารสหรัฐฯ และยุโรปที่คลี่คลายลง ยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น +1.42%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +1.30% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Semiconductor/Chip เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ASML +3.1% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรป ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร (UBS +3.7%) ตามความกังวลปัญหาระบบธนาคารยุโรปที่ทยอยลดลง

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก (โดยรวมเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหว sideways) โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102.6 จุด ก่อนที่ผู้เล่นในตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอย่างอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานในวันนี้ และ อัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้มองว่า หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาดและอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจน เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่จะเริ่มเชื่อว่าเฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยลงหรือเฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดและการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านใกล้ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ก่อนที่จะย่อตัวลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 1,981 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญฝั่งสหรัฐฯ อาทิ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 รวมถึงข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด, ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็จะอยู่ในความสนใจของผู้เล่นในตลาดเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook