คลังแจงมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินฯ ยังไม่เกินเพดานร้อยละ 32 งบปี 66

คลังแจงมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินฯ ยังไม่เกินเพดานร้อยละ 32 งบปี 66

คลังแจงมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินฯ ยังไม่เกินเพดานร้อยละ 32 งบปี 66
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรณีสื่อออนไลน์แห่งหนึ่งได้มีการพาดหัวข่าวว่า งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ล่าสุดได้ลดลงเหลือ 18,000 ล้านบาท อาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2566 และทำให้รัฐบาลมีข้อจำกัดในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติมนั้น

ล่าสุด นายพรชัย  ฐีระเวช โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีการพาดหัวข่าวดังกล่าวเกี่ยวกับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น มีความไม่สอดคล้องกับเนื้อหาของข่าวที่เป็นการพูดถึงวงเงินมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ ซึ่งเป็นแหล่งเงินที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างจาก งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

กระทรวงการคลังจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และวงเงินมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ เพื่อเสริมสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

(1) งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นรายจ่ายในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันหรือแก้ไขสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ความมั่นคงของรัฐ การเยียวยา หรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐ

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566 ได้ตั้งวงเงินงบประมาณไว้ จำนวน 92,400 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2566 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินดังกล่าวไปแล้ว ประมาณ 52,000 ล้านบาท อาทิ

  • โครงการเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565
  • มาตรการให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ในช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงเมษายน 2566 เป็นต้น

(2) ในส่วนของวงเงินมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ นั้น เป็นวงเงินที่ใช้สำหรับกรณีที่รัฐบาลมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดำเนินโครงการโดยใช้เงินทุนของตัวเองไปก่อน และรัฐบาลจะรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กับหน่วยงานของรัฐในภายหลัง

โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรในช่วงที่ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำ รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต่าง ๆ

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐได้กำหนดกรอบอัตรายอดคงค้างรวมทั้งหมดที่รัฐต้องรับชดเชยจากการดำเนินโครงการตามมาตรา 28 ไว้ที่ไม่เกินร้อยละ 32 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งปัจจุบันมียอดคงค้างอยู่ภายใต้เกณฑ์ที่กำหนด

นายพรชัย กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐในปีงบประมาณ 2566 จะดำเนินการภายใต้วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 จำนวน 3.185 ล้านล้านบาท โดย ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2566 ได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว ทั้งสิ้น 2.564 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 80.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี

ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาที่เหลือในปีงบประมาณ 2566 (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2566) รัฐบาลจะเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนที่เหลือให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook