Blockchain คืออะไร ทำงานยังไง รู้จักก่อนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท

Blockchain คืออะไร ทำงานยังไง รู้จักก่อนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท

Blockchain คืออะไร ทำงานยังไง รู้จักก่อนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล็อกเชน (Blockchain) คืออะไร หลักการทำงานเป็นอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง รู้จักกันไว้ก่อนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท

เงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่หลายคนพูดถึงกันมากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยบอกไว้ชัดเจนว่า จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยได้จับจ่ายใช้สอยผ่านกระเป๋นเงินดิจิทัลวอลเล็ต ผ่านระบบบล็อกเชน และเมื่อเอ่ยถึง บล็อกเชน (Blockchain) บางคนอาจสงสัยว่ามันคืออะไร และทำงานอย่างไร Sanook Money มีข้อมูลดีมากฝากกัน

บล็อกเชน (Blockchain) คืออะไร

Blockchain คือ เป็นเทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ไม่อาศัยคนกลาง และไม่มีใครเป็นเจ้าของ เนื่องจากข้อมูลจะถูกจัดเก็บในรูปแบบบล็อก (Block) หลายๆ บล็อกเชื่อมกันเป็นเส้นเครือข่าย (Chain) ผ่านการเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลที่ถูกบันทึกจะส่งต่อข้อมูลไปยังอุปกรณ์ หรือคอมพิวเตอร์ของทุกคนที่เชื่อมกันเป็นเครือข่าย ทำให้ข้อมูลในบล็อกเชนนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือลบได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ในเครือข่ายทั้งหมด

หลักการทำงานของบล็อกเชน (Blockchain)

การทำงานของบล็อกเชน คือ ฐานข้อมูลหลักกระจายข้อมูลในระบบไปยังคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องภายในเครือข่าย หรือเรียกว่า Node โดยคอมพิวเตอร์เหล่านั้นกระจายตัวอยู่ทุกที่ทั่วมุมโลก ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่สูญหายในกรณีที่คอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งขัดข้อง อีกทั้งสร้างความโปร่งใสในการทำธุรกรรม เพราะเปลี่ยนแปลงข้อมูลบนคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งไม่ได้ หากจะทำต้องเข้าไปแก้ไขข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ Node ทุกตัวที่อยู่บนเครือข่าย

บล็อกเชน (Blockchain)หลักการทำงานของบล็อกเชน Blockchain

นอกจากนี้ คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายยังยืนยันและตรวจสอบได้ว่าบล็อกนั้นถูกต้องหรือไม่ก่อนบันทึกข้อมูลลงในเครือข่ายบล็อกเชน หากคอมพิวเตอร์เครื่องไหนส่งสัญญาณว่าบล็อกนั้นมีความผิดปกติ Node อื่นจะทำการปฏิเสธบล็อกนั้นตามไปด้วย

ประโยชน์ของบล็อกเชน (Blockchain)

เนื่องด้วยบล็อกเชน (Blockchain) มีคุณสมบัติที่สามารถจัดเก็บข้อมูลและเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบได้ ทำให้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลายแห่ง ดังนี้

  • การเงิน : ใช้ในการบันทึกธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงิน การทำสัญญาซื้อขายหลักทรัพย์ การตรวจสอบย้อนหลัง หรือการออกสกุลเงินดิจิทัล
  • การขนส่ง : ใช้ในการติดตามสินค้าและบริการตลอดห่วงโซ่อุปทาน
  • สาธารณสุข : ใช้ในการบันทึกข้อมูลทางการแพทย์ เช่น ประวัติการรักษาพยาบาล ผลการวินิจฉัย และข้อมูลสุขภาพอื่น ๆ
  • พลังงาน : ใช้ในการซื้อขายพลังงานหมุนเวียน เช่น ไฟฟ้า ความร้อน และพลังงานลม
  • การเกษตร : ใช้ในการติดตามข้อมูลการผลิตทางการเกษตร เช่น ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลผลผลิต และข้อมูลการตลาด

ข้อดี และข้อเสียของบล็อกเชน (Blockchain)

ข้อดีของบล็อกเชน

  • ความโปร่งใส (Transparency) : ข้อมูลในบล็อกเชนนั้นสามารถตรวจสอบได้แบบสาธารณะ ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้อย่างโปร่งใส
  • ความน่าเชื่อถือ (Reliability) : ข้อมูลในบล็อกเชนนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือลบได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ในเครือข่ายทั้งหมด ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือสูง
  • ความปลอดภัย (Security) : ข้อมูลในบล็อกเชนนั้นถูกเข้ารหัสลับ ทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัยสูง
  • ประสิทธิภาพ (Efficiency) : กระบวนการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมในบล็อกเชนนั้นสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ข้อเสียของบล็อกเชน

  • ความซับซ้อน : เทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นมีความซับซ้อนและต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้ยากต่อการนำไปใช้
  • ต้นทุน : การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้นั้นอาจต้องใช้ต้นทุนสูง เช่น ค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และแรงงาน
  • ประสิทธิภาพ : เทคโนโลยีบล็อกเชนอาจไม่มีประสิทธิภาพสำหรับบางแอปพลิเคชัน เช่น แอปพลิเคชันที่ต้องมีการประมวลผลข้อมูลปริมาณมาก
  • ความเป็นส่วนตัว : ข้อมูลในบล็อกเชนนั้นสามารถตรวจสอบได้แบบสาธารณะ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกเปิดเผยได้
  • การปฏิบัติตามข้อบังคับ : เทคโนโลยีบล็อกเชนอาจไม่สอดคล้องกับข้อบังคับบางประการ เช่น ข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวหรือข้อบังคับด้านความปลอดภัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook