กองทุน TESG คืออะไร ลดหย่อนภาษีปี 66 เหมาะสมกับใคร เช็กเงื่อนไขได้ที่นี่

กองทุน TESG คืออะไร ลดหย่อนภาษีปี 66 เหมาะสมกับใคร เช็กเงื่อนไขได้ที่นี่

กองทุน TESG คืออะไร ลดหย่อนภาษีปี 66 เหมาะสมกับใคร เช็กเงื่อนไขได้ที่นี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองทุนรวม TESG คืออะไร ใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเท่าไหร่ เหมาะกับใคร นำไปลงทุนอะไรบ้าง เช็กเงื่อนไขได้ที่นี่

กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) หรือ กองทุนรวม TESG คือ กองทุนที่เอาไว้ลดหย่อนภาษีเหมือนกับ กองทุนรวมเพื่อการส่งเสริมการออมระยะยาว SSF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF ซึ่งกองทุน TESG จะเปิดขายในเดือน ธ.ค. 2566 นี้

เงื่อนไขกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) มีดังนี้

  • ต้องเป็น บุคคลธรรมดา เท่านั้น
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล และกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง ไม่สามารถใช้สิทธิได้
  • สิทธิลดหย่อนภาษีไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  • กรณีซื้อมากกว่า 1 กองทุน ให้รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท
  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย
  • ไม่ต้องเสียภาษี หากขายหน่วยลงทุนคืนแล้วได้กำไร โดยไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • ไม่มีขั้นต่ำ ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกปี ซื้อปีไหนได้ลดหย่อนภาษีปีนั้น
  • กองทุนรวม TESG ต้องนำเงินไปลงทุนในกิจการธุรกิจ สินทรัพย์ หุ้น หรือตราสารหนี้เกี่ยวกับ ESG ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, and Governance หรือ ESG)
  • กองทุนรวม TESG ต้องนำเงินไปลงทุนในกิจการของไทยเท่านั้น
  • ซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2566 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2575

สำหรับวงเงินลงทุนของ TESG จะไม่ถูกนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ปัจจุบันกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท เท่ากับว่า จะได้วงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจาก TESG ไปเลย 100,000 บาท เมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ จะลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 600,000 บาท

กองทุน TESG เหมาะสมกับใคร

  • มีรายได้สุทธิมากกว่า 150,000 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษี และต้องการลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุน
  • เหมาะกับผู้มีฐานภาษีสูง ฐานภาษียิ่งสูงยิ่งได้ประโยชน์จากการประหยัดภาษี ยกตัวอย่าง ซื้อหน่วยลงทุน TESG สูงสุดที่ 100,000 บาทเท่ากัน คนฐานภาษี 5% จะช่วยประหยัดทางภาษี ( 5% x 100,000) ได้เพียง 5,000 บาท, คนฐานภาษี 10% ช่วยประหยัดภาษี (10% x 100,000) ได้ 10,000 บาท, ฐานภาษี 20% (20% x 100,000) ช่วยประหยัดภาษีได้ 20,000 บาท และสูงสุด กรณีคนฐานภาษี 35% จะช่วยประหยัดภาษีได้มากถึง 35,000 บาท
  • ต้องการวงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ลงทุน SSF กับ RMF และกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ที่ใช้จนเต็มสิทธิ 500,000 บาทแล้ว
  • มองเห็นโอกาสศักยภาพการเติบโตในหุ้นยั่งยืนและธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ในประเทศไทย
  • มีเป้าหมายลงทุนให้เงินเติบโตในระยะยาว สามารถถือกองทุน TESG อย่างน้อย 8 ปีขึ้นไป

กองทุน TESG นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ใด

  • หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ที่ได้รับการคัดเลือกจาก SET ว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (environment) หรือด้านความยั่งยืน (ESG)
  • หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีการเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ตราสารหนี้ที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเสนอขายตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน
  • โทเคนดิจิทัลเพื่อการระดมทุนที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืนที่มีมาตรฐานในทำนองเดียวกันกับตราสารหนี้

ทั้งนี้ หลังจากที่ ครม. ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคลัง จัดตั้งกองทุนรวม TESG ให้มีผลถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2575 เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาวในตลาดทุนไทย โดยสามารถเริ่มซื้อกองทุน TESG ได้ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2566 และใช้ลดหย่อนงวดภาษีประจำปี 2566 โดยยื่นภาษีได้ภายในเดือน มี.ค. 2567

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook