ปลัดกระทรวงแรงงาน เร่งเสนอ ค่าแรงขั้นต่ำ ตามมติเดิม เข้า ครม. สัปดาห์หน้า มีผล 1 ม.ค. 67

ปลัดกระทรวงแรงงาน เร่งเสนอ ค่าแรงขั้นต่ำ ตามมติเดิม เข้า ครม. สัปดาห์หน้า มีผล 1 ม.ค. 67

ปลัดกระทรวงแรงงาน เร่งเสนอ ค่าแรงขั้นต่ำ ตามมติเดิม เข้า ครม. สัปดาห์หน้า มีผล 1 ม.ค. 67
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปลัดกระทรวงแรงงาน เริ่งเสนอค่าแรงขั้นต่ำ ตามมติเดิม เข้าครม. สัปดาห์หน้า เพื่อให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 67 เตรียมปรับสูตรคิดค่าแรงขั้นต่ำใหม่

เว็บไซต์ thebangkokinsight รายงานว่า นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุ จากการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 เพื่อทบทวนการกำหนดอัตราค่าจ้าง ปี 2567 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยึดตามมติคณะกรรมการค่าจ้างเดิม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566

เนื่องจากสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่คณะกรรมการค่าจ้างใช้ในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 เป็นสูตรที่คณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการฯจังหวัดทุกจังหวัดใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งเป็นการพิจารณาด้วยเหตุและผลบนข้อมูลเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงเห็นควรให้ปรับอัตราค่าจ้างด้วยความเหมาะสมและความเป็นจริง และเป็นการพิจารณาอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค เป็นธรรม และน่าเชื่อถือ

โดยให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราวันละ 2-16 บาท (เฉลี่ยร้อยละ 2.37) แบ่งเป็น 17 อัตรา โดยมีอัตราสูงสุดในจังหวัดภูเก็ต คือวันละ370 บาท และอัตราต่ำสุดในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา คือวันละ 330 บาท

ทั้งนี้ จะรีบนำเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็วที่สุด และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 67 เป็นต้นไป

สำหรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คณะกรรมการค่าจ้างจะนำไปใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงสูตรในการกำหนดอัตราค่าจ้างใหม่ ซึ่งเป็นการปรับสูตรในรอบ 6 ปี โดยวันที่ 17 มกราคม 2567 จะลงนามแต่งตั้งอนุกรรมการปรับสูตรคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ และเมื่อได้สูตรใหม่แล้วจะเรียกประชุมบอร์ดค่าจ้างใหม่อีกครั้ง โดยคาดว่าในช่วงปี 2567 จะได้สูตรการคิดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ซึ่งจะพิจารณาในประเภทกิจการเป็นสำคัญ เช่น การท่องเที่ยว บริการ ซึ่งอาจเป็นประเด็นหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาปรับสูตร

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ในการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2567 ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดบนพื้นฐานของความเสมอภาคและการหารือของแต่ละจังหวัด และการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้เป็นการปรับเพื่อให้แรงงานทั่วไปแรกเข้าทำงาน สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่มาตรฐานการครองชีพ สภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งเหมาะสมตามความสามารถของธุรกิจในท้องถิ่นนั้น โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความเสมอภาค และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อให้นายจ้าง/ลูกจ้าง สามารถประกอบธุรกิจและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook