ครม. เคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-16 บาทต่อวัน จ่อทบทวนสูตรอีกครั้งหวังเร่งขึ้นรอบใหม่
ครม. เคาะขึ้นค่าแรงขั้ยต่ำ 2-16 บาทต่อวัน มีผล 1 ม.ค. 67 เป็นต้นไป ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จ่อทบทวนสูตรอีกครั้งหวังเร่งขึ้นรอบใหม่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอมติคณะกรรมการไตรภาคี เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 2-16 บาท โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
โดยหลังจากที่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในอัตราดังกล่าวแล้ว ได้หารือกันให้มีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อกำหนดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำใหม่อีกรอบในเดือน ม.ค. 2567 โดยคาดว่าจะผลักดันให้มีการปรับขึ้นค่าแรงรอบที่ 2 ให้ได้ในเดือน มี.ค. 2567
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ปี 2567 ที่ผ่านมาในการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ครั้งล่าสุด ที่ประชุมมีมติยืนยันการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 หรือปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับแรงงาน โดยจะเพิ่มขึ้นอัตราวันละ 2-16 บาท เฉลี่ย 2.37%
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ มีการปรับอัตราสูงสุดในจังหวัดภูเก็ต วันละ 370 บาท และอัตราต่ำสุดในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา วันละ 330 บาท ซึ่งหากผ่านการเห็นชอบจาก ครม. แล้ว จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประกาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่าได้มีการหารือกับในที่ประชุม ครม. ว่าในวันที่ 17 ม.ค. 67 คณะกรรมการไตรภาคีจะมีการประชุมอีกครั้งพร้อมตั้งคณะอนุกรรมการไตรภาคีขึ้นมาพิจารณาสูตรคิดคำนวณค่าจ้างสูตรใหม่ โดยจะไม่นำตัวเลขปี 63 และ 64 มารวมคำนวณแน่อน โดยอาจใช้ฐานข้อมูลจากปี 60-62 และปี 65 รวมทั้งข้อมูลดิบปี 66 มาพิจารณา
พร้อมกันนั้นคณะอนุกรรมการจะศึกษาในรายละเอียดของค่าแรง ทั้งรายวิชาชีพ รายอำเภอ หรืออาจถึงระดับเทศบาล สืบเนื่องจากหากปรับขึ้นค่าแรงเท่ากันทั้งจังหวัด อาจยังไม่สะท้อนภาพความเป็นจริงทั้งหมด เช่น บางจังหวัดเขตเทศบาลมีสภาวะเศรษฐกิจที่ดี แต่เมื่อออกนอกเขตเทศบาลเมือง จะเข้าสู่สังคมชนบท อาจมีสภาพเศรษฐกิจไม่ดีเหมือนในตัวจังหวัดหรือในตัวเมือง
คณะอนุกรรมการฯ จะขอข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม (สภาพัฒน์) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อนำมาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาด้วย