ค่าเงินบาทวันนี้ 23 ก.พ. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง
![ค่าเงินบาทวันนี้ 23 ก.พ. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง](http://s.isanook.com/mn/0/ud/184/920791/bath.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
ค่าเงินบาทวันนี้ 23 ก.พ. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.85 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.05 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุค่าเงินบาทวันนี้เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.85 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.80-35.98 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยจังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการ (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงสู่โซนแนวรับระยะสั้น กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำ อย่างไรก็ดี รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาผสมผสาน กอปรกับภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และทำให้เงินบาทยังคงไม่ได้อ่อนค่าทะลุแนวต้าน 36.00 บาทต่อดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นร้อนแรง หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ นำโดย Nvidia +16.4%, Amazon +3.6% หลัง Nvidia รายงานผลกำไรและคาดการณ์ผลกำไรที่ดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังมีความหวังต่อแนวโน้มการเติบโตของหุ้นในธีม AI โดยการปรับตัวขึ้นแรงของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ดังกล่าว ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้นแรง +2.96% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +2.11%
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังไม่เปลี่ยนมุมมองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่านั้นแผ่วลง โดยเฉพาะหลังมุมมองการลดดอกเบี้ยของผู้เล่นในตลาดนั้น ได้สอดคล้องกับ Dot Plot ของเฟดล่าสุด ทำให้ การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ก็อาจจำกัดลง (Limited Upsides for USD) ทว่าด้วยปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทยที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกัน ทิศทางของราคาทองคำ รวมถึงสกุลเงินเอเชียสำคัญ อย่าง เงินหยวนจีน (CNY) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็อาจส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้พอสมควร หากทั้งราคาทองคำ เงินหยวนจีน และเงินเยน ย่อตัวลงบ้าง อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินในช่วงนี้ อาจช่วยหนุนให้นักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ในฝั่งเอเชียเพิ่มเติม ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็อาจได้รับอานิสงส์จากภาพดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทำให้ การอ่อนค่าของเงินบาทนั้นจะเป็นไปอย่างจำกัด และเรายังคงประเมินว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทในช่วงนี้ อาจมีลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ แต่ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นบ้าง)
ในเชิงเทคนิคัล เงินบาทได้ส่งสัญญาณทยอยแข็งค่าขึ้นได้ โดยเฉพาะหากเงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซน 35.50-35.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก ขณะที่โซนแนวต้านยังคงเป็นช่วง 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ที่เป็นแนวต้านเชิงจิตวิทยาในช่วงนี้
เราขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.75-36.05 บาทต่อดอลลาร์