แสนสิริ ฟันกำไรปี 66 ทะลุ 6,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 40 ปี ขึ้นแท่นเบอร์ 1 แห่งอสังหาฯ
แสนสินิ ฟันกำไรปี 66 ทะลุ 6,000 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 40 ปี คว้าเบอร์ 1 เจ้าแห่งอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ปี 2566 แสนสิริมีกำไรสุทธิสูงถึง 6,060 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ 40 ปี หรือ ALL-TIME HIGH เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 4,280 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 15.5% ทุบสถิติใหม่ นับว่าเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้
ส่วนยอดขายรวมอยู่ที่ 49,000 ล้านบาท ด้านรายได้รวมก็ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกันอยู่ที่ 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่แสนสิริในระดับลักซ์ชัวรี่ และมียอดโอนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา, เศรษฐสิริ ดอนเมือง, นาราสิริ พหล-วัชรพล, บูก้าน กรุงเทพกรีฑาและบุราสิริ วัชรพล
ส่วนคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move ที่สามารถขายและรับรู้รายได้ได้ทันที อาทิ โครงการเอ็กซ์ที พญาไท, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, ดีคอนโด พนา, โอกะ เฮ้าส์, เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา, เดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ และเดอะ มูฟ บางนา ส่วนปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเติบโตเป็นผลจากการตอบรับในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่ดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าลักซ์ชัวรี่ และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ด้วยคุณภาพ และบริการจากแสนสิริ ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าและบริการ
ปี 2567 แสนสิริยังคงมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเดินหน้าต่อตามแผนธุรกิจ เปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท (มูลค่าสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ) ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนองค์กรควบคู่กับความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ประกอบด้วย การรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน พร้อมระดับสภาพคล่องที่ 17,000 ล้านบาท
โดยในปีนี้ ได้เตรียมโอน 10 คอนโดมิเนียม มูลค่า 14,000 ล้านบาท (เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ ขอนแก่น, เดอะ เบส ไฮท์ – เชียงใหม่, เดอะไลน์ ไวบ์, ดีคอนโด แซนด์ หาดใหญ่, ดีคอนโด เวล ศรีราชา, ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต, เวย์ อยุธยา, ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต, ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง และดีคอนโด ชายน์ รังสิต) รวมถึงการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากกว่า ผ่านการควบคุมระดับสินค้าเพื่อการขายในแต่ละระดับราคาให้อยู่ระดับที่เหมาะสม
นอกจากนี้ แสนสิริยังวางแผนยกระดับคุณภาพของสินค้า บริการ และความยั่งยืน เพื่อครองอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
แสนสิริยังมุ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหุ้น จากผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนได้รับเงินปันผลที่สูงขึ้นในอนาคต เตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปีให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเมื่อเดือนกันยายน 2566 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เตรียมจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็น Dividend Yield ปี 2566 อยู่ที่ 10.8%