ค่าเงินบาทวันนี้ 13 มี.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.73 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง

ค่าเงินบาทวันนี้ 13 มี.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.73 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง

ค่าเงินบาทวันนี้ 13 มี.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.73 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ค่าเงินบาทวันนี้ 13 มี.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.73 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.57 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.55-35.80 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุค่าเงินบาทวันนี้เปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.73 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.57 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ตามที่เราได้ประเมินไว้ (แกว่งตัวในช่วง 35.51-35.80 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทได้ผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามการพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ออกมา 3.2% สูงกว่าคาดเล็กน้อย (ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ชะลอลงสู่ระดับ 3.8% แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย) ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า เฟดจะยิ่งไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงและเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียงราว 3 ครั้งในปีนี้ (ก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 3 ครั้ง) นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันเงินบาทเพิ่มเติม ผ่านการปรับตัวลดลงแรงราว -20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ของราคาทองคำ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในช่วงปรับฐานลงมาบ้าง ทั้งนี้ เงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านที่เราประเมินไว้ ตามแรงขายเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ส่วนเงินดอลลาร์ก็ย่อตัวลงบ้าง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อีกครั้ง หลังผู้เล่นในตลาดมองว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อได้ ทำให้เฟดยังสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ (แม้ว่าจังหวะในการลดดอกเบี้ยยังมีความไม่แน่นอน) ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเข้าซื้อหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้า อาทิ Nvidia +7.2%, Meta +3.3% ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้นแรงกว่า +1.54% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.12%

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways หลังพลิกกลับมาอ่อนค่าเร็วและแรง จากช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เนื่องจากส่วนหนึ่ง ผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาทิ ฝั่งผู้ส่งออกอาจรอจังหวะเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ในการทยอยขายเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศอื่นๆ อาทิ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลัง JPYTHB ได้ปรับตัวขึ้นเข้าสู่โซน 24 บาท/100 เยน นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อื่นๆ ในช่วงปลายสัปดาห์ ทำให้เงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำก็อาจยังคงแกว่งตัวในกรอบ หลังมีการเคลื่อนไหวพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง ก็เริ่มกลับมาอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียอาจอยู่ในบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงได้เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อหุ้นไทยได้บ้าง ทำให้โดยรวมเรายังมองว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 35.80 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้

ทั้งนี้ เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าไปได้มาก เนื่องจากยังขาดปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจน ทำให้โซนแนวรับอาจยังอยู่ในช่วง 35.50 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 35.30 บาทต่อดอลลาร์)

เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.55-35.80 บาทต่อดอลลาร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook