เตรียมเก็บภาษีช็อปออนไลน์ สินค้านำเข้าไม่เกิน 1,500 บาท มีผลเดือน พ.ค. 67
![เตรียมเก็บภาษีช็อปออนไลน์ สินค้านำเข้าไม่เกิน 1,500 บาท มีผลเดือน พ.ค. 67](http://s.isanook.com/mn/0/ud/184/923351/shop.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
คลังเตรียมเก็บภาษีช็อปออนไลน์ สินค้านำเข้าไม่เกิน 1,500 บาท คาดมีผล เดือน พ.ค. 67
เว็บไซต์ thebangkokinsight รายงานว่า นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ ต้นเดือน พ.ค. 67 จะมีความชัดเจนเรื่องการออกประกาศกรมศุลกากร เป็นกฎกระทรวง เกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าราคาไม่เกิน 1,500 บาท (Low-Value Goods) ซึ่งจะส่งผลให้แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ ทั้งที่เป็นแพลตฟอร์มในประเทศ และแพลตฟอร์มต่างประเทศ รวมถึงบุคคลอื่นตามที่กฎหมายกำหนด มีหน้าที่จดทะเบียนมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร
รวมถึงการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% จากการขายสินค้าที่มีมูลค่าต่ำของผู้ขายในต่างประเทศให้แก่ผู้บริกโภคในประเทศ เพื่อนำส่งให้แก่กรมสรรพากรเป็นรายเดือน เช่นเดียวกันกับการขายสินค้าของผู้ขายในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีผลภายในเดือน พ.ค. 67
ทั้งนี้ การออกกฎหมายดังกล่าวนี้ จะเป็นการดำเนินการระยะสั้น เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษี VAT จากสินค้านำเข้าที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว หรือการแก้ไขอย่างถาวรนั้น กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการเร่งแก้ไขประมวลรัษฎากร ซึ่งในส่วนนี้ต้องใช้เวลา เพื่อให้การดำเนินการจัดเก็บภาษีดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
"กรมสรรพากร และกรมศุลกากร กำลังร่วมมือกันดำเนินการอยู่ คาดว่าภายในต้นเดือน พ.ค. 67 น่าจะมีความชัดเจน การดำเนินการเรื่องนี้ แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ การแก้ไขแบบถาวร คือ แก้ที่ประมวลรัษฎากร ตรงนี้ใช้เวลา ซึ่งกรมสรรพากรกำลังดำเนินการอยู่ โดยระหว่างที่ประมวลรัษฎากรยังแก้ไขไม่เสร็จ ก็จะมีโครงการเร่งด่วนระยะสั้น โดยกรมศุลกากรจะออกประกาศ เป็นกฎกระทรวงในการจัดเก็บภาษี VAT กับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท จากแต่ก่อนที่ไม่ต้องเสียภาษี ต่อไปก็จะต้องเสียภาษี คาดว่าจะมีผลภายในเดือน พ.ค. นี้" นายลวรณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในส่วนนี้ เป็นไปตามนโนบายรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภค ระหว่างผู้ขายในต่างประเทส ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม กับผู้ขายในประเทศไทย ซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ถือ เป็นการสร้างความเป็นธรรม ทั้งในแง่ของการแข่งขัน และการจัดเก็บภาษี เนื่องจากต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีสินค้าที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ต้องเสียภาษีหลุดเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สามารถจัดเก็บรายได้ได้มากพอสมควร