ค่าเงินบาทวันนี้ 15 พ.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
ค่าเงินบาทวันนี้ 15 พ.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.40-36.75 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุค่าเงินบาทวันนี้เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.55-36.75 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควรในช่วงสั้นๆ หลังตลาดรับรู้รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต ในส่วน Core PPI สหรัฐฯ ที่โมเมนตัมรายเดือน (%m/m) ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ในช่วงแรกผู้เล่นในตลาดตอบรับในเชิงกังวลกับภาพเงินเฟ้อ กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 สหรัฐฯ และการปรับตัวลงของราคาทองคำ อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจมีความผสมผสานและอาจไม่ได้น่ากังวลมากนัก เนื่องจาก รายงานดัชนี Core PPI ในเดือนมีนาคม ได้ถูกปรับปรุงข้อมูลใหม่เป็น -0.1%m/m จากที่รายงานในตอนแรกเป็น +0.2%m/m นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell หลังตลาดรับรู้รายงานดัชนี PPI ก็ไม่ได้มีโทนที่ Hawkish มากขึ้นกว่าเดิม (และไม่ได้กังวลกับรายงานดัชนี PPI ที่ออกมา) พร้อมย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจในแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ทำให้โดยรวม เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง พร้อมกับการปรับตัวขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ของราคาทองคำ ส่งผลให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังผู้เล่นในตลาดประเมินรายงานดัชนี PPI ล่าสุด ออกมาผสมผสาน อีกทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดก็ยังไม่ได้ส่งสัญญาณในเชิง Hawkish มากขึ้น และมองว่าเฟดยังมีโอกาสน้อยมากที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ แต่อาจคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้ บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ รีบาวด์ขึ้น หนุนให้โดยรวม S&P500 ปิดตลาด +0.48%
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways แถวระดับ 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง CPI (ตลาดรับรู้ราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวก็เป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดอาจยังอยู่ในโหมด wait and see เพื่อรอรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI อย่างไรก็ดี ควรจับตาโซนแนวรับสำคัญ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอยู่แถวเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน โดยจากสถิติในอดีตที่ผ่านมา พบว่า หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้ ก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้น ราว 20-30 สตางค์ จนกว่าจะมีปัจจัยเปลี่ยนแปลงทิศทาง อย่างไรก็ดี เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ ในจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง อีกทั้งสัปดาห์นี้ก็ยังมีโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผล ทำให้เงินบาทก็อาจยังติดในโซนแนวรับดังกล่าวได้
อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วง ตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI โดยหากโมเมนตัมอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI (%m/m) ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ราว 0.5% จากสถิติในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ในทางกลับกัน หากออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อได้ไม่เกิน 0.4% ทำให้เราอาจพอประเมินกรอบเงินบาทได้แถว 36.35-36.70 บาทต่อดอลลาร์ (หากเงินบาททรงตัวแถว 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI)
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.40-36.75 บาทต่อดอลลาร์