เปิดลงทะเบียนขอรับเงินคืนผ่าน 3 ช่องทาง เพื่อคืนเงินให้เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เปิดลงทะเบียนขอรับเงินคืนผ่าน 3 ช่องทาง เพื่อคืนเงินให้เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เปิดลงทะเบียนขอรับเงินคืนผ่าน 3 ช่องทาง เพื่อคืนเงินให้เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปปง. เปิดให้เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลงทะเบียนขอรับเงินคืนผ่าน 3 ช่องทาง

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชนคนไทยโอนเงินมูลค่าเสียหายนับแสนล้านบาทนั้น ล่าสุดจากข้อมูล พบว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์เป็นของกลางแล้ว

ดังนี้ เงินสดรวมได้ประมาณ 6,000,000,000 บาท อสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนหนึ่งประมาณ 4,000,000,000 บาท รวมกันแล้วประมาณ 10,000,000,000 บาท สำหรับทรัพย์สินยึดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย

หลังจาก ปปง. ยึดทรัพย์มาแล้ว โดยจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ภายใน 90 วัน เพื่อให้ประชาชนมายื่นคําร้องขอรับการคุ้มครองสิทธิ ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับเงินชดใช้คืนเมื่อศาลมีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้เสียหายได้รับเงินชดใช้คืนแทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

สำหรับผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถยื่นคําร้องขอคุ้มครองสิทธิ ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

  1. ยื่นด้วยตนเอง ณ สํานักงาน ปปง.
  2. ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนส่งถึง สำนักงานป้องกันและปราบการฟอกเงิน เลขที่ 422 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โดยวงเล็บ 2 มุมซองด้านบนว่า “ส่งแบบคําร้องขอ คุ้มครองสิทธิรายคดี....”
  3. ยื่นทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง https://khumkrongsit.amlo.go.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-219-3600 หรือ โทร 1710

วิธีลงทะเบียนสำหรับผู้เสียหาย

manual_petition_page-0002

1. เข้าระบบคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายของสำนักงาน ปปง.

manual_petition_page-0003

2. ตรวจสอบข้อมูลเพื่อยื่นคำร้อง

manual_petition_page-0004

3. ตรวจสอบข้อมูลเพื่อยื่นคำร้อง

manual_petition_page-0005

4. กรอกข้อมูลส่วนตัว

manual_petition_page-0006

5. กรอกข้อมูลการลงทุน/ความเสียหาย

manual_petition_page-0007

6. กรอกข้อมูลรายละเอียดความเสียหาย

manual_petition_page-0008

7. กรอกข้อมูลรายละเอียดผลตอบแทนที่ได้รับ

manual_petition_page-0009

8. กรอกแบบสอบถามแห่งคดี

manual_petition_page-0010

9. ระบุรายการเอกสาร/หลักฐานแบบ

manual_petition_page-0011

10. กำหนดรหัสลับเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้ระบบ

manual_petition_page-0012

11. นัดหมายส่งเอกสาร/ให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

manual_petition_page-0013

12. นัดหมายส่งเอกสาร/ให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่สำเร็จ

นายคารม เปิดเผยต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2567 ผลการแจ้งความออนไลน์ ผ่าน https://www.thaipoliceonline.com รวม 35,379 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 3,437,689,020 บาท เฉลี่ย 114,589,643 บาทต่อวัน ผลการอายัดบัญชี จำนวน 10,713 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 1,404,539,300 บาท ยอดอายัดได้ จำนวน 719,057,785 บาท

สำหรับประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้

  1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 160,929,368 บาท
  2. หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 583,012,851 บาท
  3. หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 145,768,931 บาท
  4. หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 1,427,157,157 บาท
  5. หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น มูลค่าความเสียหาย 235,952,533 บาท

ทั้งนี้ จากรายงานข้อมูลดังข้างต้น ยังมีประชาชนหลงกลตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ขอประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ ที่เชิญชวน ชักชวนโดยวิธีการต่างๆ หากถูกหลอก สามารถแจ้งความออนไลน์ที่ https://www.thaipoliceonline.com หรือสอบถามที่เบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook