ค่าเงินบาทวันนี้ 11 ก.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.31 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
ค่าเงินบาทวันนี้ 11 ก.ค. 67 เปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.31 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.20-36.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทวันนี้เปิดเช้าที่ระดับ 36.31 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.28-36.40 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดตีความจากถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ต่อสภาคองเกรสล่าสุดว่า เฟดยังมีโอกาสที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน ราว 77% (สูงขึ้นเล็กน้อยจากการแถลงต่อสภาคองเกรสในวันแรก) และเฟดก็มีโอกาสราว 99% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากจังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ Nvidia +2.7% หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ จากถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟดล่าสุด นอกจากนี้ หุ้นธีม AI ยังได้แรงหนุนจากรายงานคาดการณ์รายได้ของบริษัทชิพรายใหญ่ TSMC ที่สูงกว่าคาด ส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor ต่างปรับตัวขึ้นได้ดี ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.18% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.02%
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจยังคงแกว่งตัว sideways แถวโซน 36.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า ควรระวังความผันผวนของเงินบาทจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ซึ่งอาจช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้นได้อีกครั้ง ทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจใช้จังหวะดังกล่าวในการทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของตลาดหุ้นไทยได้ หากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังไม่ได้มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและผลประกอบการของตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ เรามองว่า เงินบาทยังอาจเผชิญแรงกดดันแถวโซน 36.25-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงาน รวมถึงแรงซื้อเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินเยนได้อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับเงินบาทในช่วงนี้
ทั้งนี้ หากเงินบาทสามารถแข็งค่าหลุดแนวรับแถว 36.25 บาทต่อดอลลาร์ได้ ก็มีโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นต่อทดสอบโซน 36.05-36.10 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยเรามองว่า ภาพดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ ต้องเห็นการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งจะหนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้แนวต้านระยะสั้นแถว 2,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ราคาล่าสุดอยู่แถว 2,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.20-36.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ