รายได้ที่ต้องเสียภาษีมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

รายได้ที่ต้องเสียภาษีมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?

รายได้ที่ต้องเสียภาษีมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รายได้ หรือเงินได้พึงประเมิน คืออะไร รู้จักประเภทรายได้ที่ต้องเสียภาษีมีอะไรบ้าง

ภาษี เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม ใครก็ตามที่มีเงินได้ หรือรายได้เราจะต้องนำมาเสียภาษีตามกฎหมายภาษีที่ประมวลรัษฎากรระบุไว้ แล้วรู้หรือไม่ว่า รายได้ หรือเงินได้พึงประเมินอะไรบ้างที่ต้องเสียภาษี และมีกี่ประเภทอะไรบ้าง Sanook Money มีข้อมูลดีๆ จากกรมสรรพากรมาฝากกัน

  • เงินได้ คือ รายได้ ที่เราได้รับเป็นผลตอบแทนจากการทำงาน โดยเฉพาะเงินได้ที่ทำให้เรามีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กฎหมายจะเรียกว่า เงินได้พึงประเมิน
  • เงินได้พึงประเมิน คือ เงินได้ที่กฎหมายกำหนดให้เราต้องนำมาเสียภาษี โดยทั่วไปแล้วเงินได้ที่ได้รับจะเป็นเงินได้พึงประเมินแทบทั้งสิ้น ยกเว้นจะมีกฎหมายระบุไว้ว่า เงินได้ก้อนนั้นเป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี

เงินได้พึงประเมินอะไรบ้างที่ต้องเสียภาษี

เงินได้ของบุคคลใดๆ หรือหน่วยภาษีใดข้างต้นที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. ของปีใดๆ หรือเงินได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษี ได้แก่

  • เงิน
  • ทรัพย์สินสินซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน
  • ประโยชน์ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน
  • เงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้
  • เครดิตภาษีตามที่กฎหมายกำหนด

รายได้ที่ต้องเสียภาษีมี 8 ประเภท

เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน

  • เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ
  • เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง
  • เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ซึ่งนายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า
  • เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ
  • เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น มูลค่าของการได้รับประทานอาหาร เป็นต้น

เงินได้ประเภทที่ 2 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ 

  • ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด
  • เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส
  • เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้
  • เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า
  • เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ
  • เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือ จากการรับทำงานให้นั้น ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว

เงินได้ประเภทที่ 3 

  • ค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะ เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล

เงินได้ประเภทที่ 4 

  • ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น ฯลฯ เป็นต้น
    • ดอกเบี้ยพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยตั๋วเงิน ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ไม่ว่าจะมี หลักประกันหรือไม่ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่อยู่ในบังคับต้องถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเฉพาะส่วนที่เหลือจากถูกหักภาษีไว้ ณ ที่จ่ายตามกฎหมายดังกล่าว หรือผลต่างระหว่างราคาไถ่ถอน กับราคาจำหน่ายตั๋วเงินหรือตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เป็นผู้ออกและจำหน่ายครั้งแรกในราคาต่ำกว่าราคาไถ่ถอน รวมทั้งเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ย ผลประโยชน์หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการให้กู้ยืมหรือจากสิทธิเรียกร้องในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม
    • เงินปันผล เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กองทุนรวม หรือสถาบันการเงินที่มีกฎหมายไทยให้จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะสำหรับให้กู้ยืมเงิน ฯลฯ
    • เงินโบนัสที่จ่ายแก่ผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
    • เงินลดทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะส่วนที่จ่ายไม่เกินกว่ากำไรและเงินที่กันไว้รวมกัน
    • เงินเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งตั้งจากกำไรที่ได้มาหรือรับช่วงกันไว้รวมกัน
    • ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลควบเข้ากันหรือรับช่วงกันหรือ เลิกกัน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินทุน
    • ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนการเป็นหุ้นส่วนหรือโอนหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร หรือตั๋วเงิน หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นเป็นผู้ออก ทั้งนี้เฉพาะซึ่งตีราคา เป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน


เงินได้ประเภทที่ 4 ในหลายๆ กรณี กฎหมายให้สิทธิที่จะเลือกเสียภาษีโดยวิธีหักภาษี ณ ที่จ่าย แทนการนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตามหลักทั่วไป ซึ่งจะทำให้ผู้มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามบัญชีอัตราภาษี ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษี หัก ณ ที่จ่าย สามารถประหยัดภาษีได้

เงินได้ประเภทที่ 5 เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น ที่ได้เนื่องจาก

  • การให้เช่าทรัพย์สิน
  • การผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน
  • การผิดสัญญาซื้อขายเงินผ่อนซึ่งผู้ขายได้รับคืนทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นโดยไม่ต้องคืนเงินหรือประโยชน์ที่ได้รับไว้แล้ว

เงินได้ประเภทที่ 6 

  • เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลป วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่นซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้

เงินได้ประเภทที่ 7 

  • เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ

เงินได้ประเภทที่ 8 

  • เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 แล้ว

ทำไมต้องแบ่งเงินได้ออกเป็น 8 ประเภท?

แต่ละอาชีพมีความยากง่าย มีต้นทุนที่แตกต่างกัน เพื่อความเป็นธรรมจึงกำหนดค่าใช้จ่ายเพื่อหักจากเงินได้เพื่อเสียภาษีในอัตราเปอร์เซ็นต์ที่อ้างสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 60% ของรายได้ บางเคสเงินได้บางประเภทมีต้นทุนต่ำมาก หรือแทบไม่มีเลยจะไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้เลย เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล เป็นต้น

ถ้าไม่แยกประเภทของเงินได้ และกำหนดเกณฑ์หักลบค่าใช้จ่ายของแต่ละอาชีพ แต่ใช้เกณฑ์ให้ทุกเงินได้หักค่าใช้จ่ายเท่ากันหมดอาจสร้างความไม่เป็นธรรมของผู้มีเงินได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook