ค่าเงินบาทเปิดแข็งค่าสุดรอบ 16 เดือน ตลาดจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ
ค่าเงินบาทวันนี้ 6 ก.ย. 67 เปิดที่ระดับ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 16 เดือน จับตาตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดที่ระดับ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ (รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ) และโฟลว์ธุรกรรมซื้อ-ขายทองคำ ซึ่งเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
แนวโน้มค่าเงินบาทหลังรายงานข้อมูลการจ้างานสหรัฐฯ
สำหรับคืนนี้ไฮไลท์สำคัญที่ห้ามพลาด คือ รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยผู้เล่นในตลาดจะให้ความสำคัญกับ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงหลังรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
นายพูน ระบุ เงินบาทเสี่ยงผันผวนสองทิศทาง (Two-Way Volatility) ตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ
ถ้าตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดี
หากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เพิ่มขึ้น 1.6 แสนตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ก็ลดลงสู่ระดับ 4.2% ตามที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หรืออาจออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น และปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจหนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ โดยในกรณีนี้ ควรจับตาว่า เงินบาทจะสามารถอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 33.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ (แนวต้านถัดไปจะอยู่ในช่วง 34.00 บาทต่อดอลลาร์)
ถ้าตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาแย่
ในขณะที่ หากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน อาทิ ยอดการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่ำกว่า หรือ ใกล้ 1 แสนต่ำแหน่ง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% หรือสูงกว่า ก็อาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงหนัก หรือ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ทำให้ผู้เล่นในตลาดคงคาดหวังว่า เฟดต้องเร่งลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พร้อมกับหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ และหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งต้องลุ้นว่า เงินบาทจะสามารถแข็งค่าหลุดแนวรับสำคัญ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ เพราะการแข็งค่าดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถแข็งค่าต่อสู่โซน 33.25 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก อนึ่ง เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่นั้น อาจต้องจับตาบรรยากาศในตลาดการเงิน ว่าจะกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) กดดันให้บรรดานักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นหรือไม่
นายพูน ยังระบุเพิ่มเติมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน