แจกเงินดิจิทัล เป็นเงินสดเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คลังชี้ช่วยปลดล็อกข้อจำกัดได้
แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นเงินสด เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คลังชี้ ช่วยปลดลล็อกข้อจำกัดการใช้จ่ายได้จริงเหรอ
จากกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุถึงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง อันได้แก่ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน และกลุ่มผู้พิการ รวมจำนวนทั้งสิ้น 14.5 ล้านคนนั้น โดยได้กำหนดระยะเวลาโอนเงินโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25-30 ก.ย. 67 รวมทั้งสิ้น 4 วัน พร้อมกับระบุว่า กลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินสดในครั้งนี้ จะไม่มีข้อจำกัดในการใช้จ่าย โดยให้เหตุผลว่า การจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีข้อจำกัดบางอย่าง เพราะวงเงินในบัตรที่รัฐอุดหนุนให้ มีการแบ่งสัดส่วนชัดเจน เช่น ใช้ได้เฉพาะร้านธงฟ้า, ค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า และค่าเดินทาง เป็นต้น แต่ถ้าเป็นเงินสด จะเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดเหล่านี้ จึงต้องโอนเงินเข้าบัญชีที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน
สำหรับประเภทสินค้าที่ร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยกำหนดไว้มีดังนี้
เงินดิจิทัล 10,000 บาท ซื้อสินค้าประเภทไหนได้
- สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ เป็นต้น
- เครื่องดื่ม (ไม่มีแอลกอฮอล์) สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก กะปิ น้ำปลา ซอสปรุงรส เป็นต้น
- ยารักษาโรค เช่น ยาแก้ไข ยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น
- ธูปเทียนและเครื่องสักการะ ชุดถวายสังฆทาน เป็นต้น
- สินค้าเพื่อการศึกษา เช่น เครื่องแบบนักเรียน เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ เป็นต้น
- สินค้าวัตถุดิบเพื่อการเกษตร เช่น ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์พืช เป็นต้น
- สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น ผักสด ผลไม้ อาหารสด เครื่องจักสาน เป็นต้น
เงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่สามารถซื้อสินค้า-บริการไหนได้
- สลากกินแบ่งรัฐบาล
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ยาสูบ
- กัญชา
- กระท่อม
- พืชกระท่อม
- ผลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม
- บัตรกำนัล
- บัตรเงินสด
- ทองคำ
- เพชร
- พลอย
- อัญมณี
- น้ำมันเชื้อเพลิง
- ก๊าซธรรมชาติ
- เครื่องใช้ไฟฟ้า
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร (กระทรวงพาณิชย์ อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้า Negative List เพิ่มเติมได้)
น่าขบคิดไม่น้อย เพราะเมื่อจ่ายเป็นเงินสดแล้ว รัฐบาลจะมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ได้รับเงินจะใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนดจริง เนื่องจากเงินสดไม่สามารถ Tracking ได้ และแน่ใจได้อย่างไรว่า เงินที่แจกคนละ 10,000 บาท ที่ใช้งบประมาณปี 2567 จำนวน 145,000 ล้านบาท จะไม่ไปจมกับซื้อสุรา-ล็อตเตอรี่ หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช้กลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค
นี่คือโจทย์ของรัฐบาล ที่จะต้องพิจารณากันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว เม็ดเงินดังกล่าวจะก่อเกิดเป็นพายุเศรษฐกิจในอนาคตได้จริง หรือแค่การโปรยเงินลงในมหาสมุทร?