USDT คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นเหรียญอันดับหนึ่ง

USDT คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นเหรียญอันดับหนึ่ง

USDT คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นเหรียญอันดับหนึ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รู้จัก USDT คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นเหรียญอันดับหนึ่ง

เว็บไซต์ bitkub ซึ่งเป็น Exchange Platform สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย อธิบายถึง USDT คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร

USDT คืออะไร ย่อมาจากอะไร

USDT (Tether USDt) USDT ย่อมาจาก United States Dollar Tether ถูกสร้างโดยบริษัท Tether เป็น Stablecoins เหรียญแรกๆ ที่ผูกมูลค่ากับสกุลเงิน Fiat ในอัตรา 1 USDT ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่าของ USDT ใกล้เคียงกับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งยังเป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 96,000 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 2024)

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ USDT เป็น Stablecoin ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในปัจจุบันมาจากการที่ USDT สามารถใช้งานบนเครือข่ายบล็อกเชนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Ethereum, Solana, Tron, Algorand และอีกมากมาย ทำให้ผู้ใช้สามารถโอนมูลค่าข้ามบล็อกเชนและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของมูลค่าคริปโตได้ง่ายขึ้น

USDT เท่ากับกี่บาท

ณวันที่ 16 ตุลาคม 2567 มูลค่าปัจจุบันต่อ 1 USDT เท่ากับ ฿33.31 THB

Stablecoin คืออะไร?

Stablecoin คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่มูลค่ามีความมั่นคงสูง จึงได้รับความนิยมในการถูกใช้เป็นตัวกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลสกุลอื่นๆ รวมไปถึงใช้งานร่วมกับ DeFi และการถือครองเพื่อเก็บรักษามูลค่า

วิธีที่ Stablecoin ใช้เพื่อรักษามูลค่าให้คงที่ก็คือการที่ผู้ออกเหรียญ Stablecoin อย่าง Tether จะเก็บเงินดอลลาร์ในมูลค่าที่เท่ากับจำนวน USDT ทั้งหมดที่มีในตลาดไว้ในคลังสินทรัพย์สำรอง ยกตัวอย่าง หากปัจจุบันมี USDT หมุนเวียนในตลาด 1 ล้านเหรียญ ทาง Tether ก็ต้องถือเงินดอลลาร์เป็นมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์ไว้ในคลังสำรอง เผื่อในกรณีที่ผู้ถือเหรียญอยากแลกเป็นเงินดอลลาร์ก็จะสามารถทำได้ทันที นั่นจึงทำให้ USDT มีมูลค่าใกล้เคียงกับดอลลาร์ตลอดเวลา

ประโยชน์การใช้งาน USDT

1.การโอนเงินข้ามพรมแดน

  • ปัจจุบัน การโอนเงินข้ามพรมแดนจำเป็นต้องอาศัยตัวกลาง ซึ่งมาพร้อมกับระยะเวลาดำเนินการที่นานและค่าธรรมเนียมที่อาจสูงถึง 18–24% ส่งผลให้สูญเสียเงินไปโดยไม่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจใด ๆ ยกตัวอย่าง ประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีแรงงานในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และแรงงานเหล่านี้ต้องส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว จึงต้องใช้บริการตัวกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Tether เล็งเห็นปัญหาเรื้อรังดังกล่าว จึงพัฒนา USDT ที่อาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนในการดำเนินธุรกรรม ทำให้มีความสะดวก รวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ และอาศัยเพียงการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

2.ความมั่นคงทางมูลค่า

  • ความผันผวนและการเสื่อมค่าของสกุลเงินเป็นปัญหาที่หลายประเทศกำลังประสบ ยกตัวอย่าง สกุลเงินของประเทศเวเนซุเอลา ที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อขั้นรุนแรงถึง 1,300,000% สกุลเงินดิจิทัลอย่าง USDT สามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษามูลค่าได้ เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่มีการผูกมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ ในอัตรา 1:1 อยู่เสมอ

3.การเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล

  • Stablecoin อย่าง USDT ช่วยทำให้เกิดแลกเปลี่ยนสกุลเงิน Fiat และสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการแลกสินทรัพย์ดิจิทัลกลับไปเป็นสกุลเงิน Fiat ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้ระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินโดยรวมเติบโต

รู้จักบริษัท Tether

บริษัท Tether เกิดขึ้นมาพร้อมกับวิสัยทัศน์ “เพื่อดิสรัประบบการเงินแบบดั้งเดิม และเบิกทางไปสู่การใช้สกุลเงินแบบดั้งเดิมบนระบบดิจิทัล” ผ่านการให้บริการที่หลากหลาย อย่างการออกเหรียญ Stablecoin ต่าง ๆ รวมไปถึงการลงทุนในการขุด Bitcoin การศึกษา โครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบชำระเงินด้วย Bitcoin ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาขั้นสูงที่เกี่ยวกับ Bitcoin

ไม่ใช่แค่ USDT เท่านั้นที่เป็น Stablecoin ของ Tether แต่ทางบริษัทฯ ยังได้ออก Stablecoin ที่ผูกมูลค่ากับสกุลเงินอื่น ๆ เพื่อตอบรับความต้องการของตลาดด้วย ได้แก่ยูโร หยวน เป็นต้น รวมถึงมีการออกเหรียญที่ผูกมูลค่ากับทองคำอย่าง Tether Gold (XAUt) อีกด้วย

เพื่อสร้างความโปร่งใสในการถือครองเหรียญเพื่อผูกมูลค่า ทาง Tether มีการออกรายงานคลังทรัพย์สำรองเป็นรายไตรมาสที่ได้รับการตรวจสอบบัญชีโดยบริษัทบัญชีระดับโลกอย่าง BDO เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของนักลงทุน

จุดเด่นของ USDT

1.มูลค่าที่มั่นคง USDT สามารถรักษามูลค่าให้เทียบเท่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากมีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถูกจัดเก็บไว้ในคลังสำรองเทียบเท่ากับมูลค่าของ USDT ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด อีกทั้งยังมีบริษัทตรวจสอบทางด้านบัญชีชั้นนำคอยตรวจสอบและออกรายงานทุกไตรมาสเพื่อสร้างความโปร่งใสและความมั่นใจให้กับผู้ใช้

2.อิสระในการใช้งาน ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม เรามักไม่ได้มีสิทธิ์ควบคุมเงินที่เราได้มาโดยสมบูรณ์ ธนาคารสามารถสั่งอาญัติบัญชี หรือห้ามนำเงินออกนอกประเทศก็ได้ แตกต่างกับ USDT ที่ผู้ใช้มีอิสระในเงินของตัวเองอย่างเต็มที่ ผู้ใช้สามารถโอนเงินไปที่ไหน เมื่อไหร่ หรือมากน้อยแค่ไหนก็ได้ โดยสามารถทำธุรกรรมผ่านบล็อกเชนที่ทำงานตลอดเวลา

3.ความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ เทคโนโลยีบล็อกเชนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตัวกลางในการโอนเงิน การโอนเงินด้วย USDT ผ่านบล็อกเชนจึงสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก เฉลี่ยประมาณ1.02 ดอลลาร์บนเครือข่าย Ethereum และเพียง 0.000005 ดอลลาร์บนเครือข่าย Tron

4.เข้าถึงได้ง่าย ปัจจุบัน USDT รองรับการทำงานบนเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Ethereum, Tron, Algorand, Avalanche, EOS, Liquid Network, Near, Omni, Polygon, Solana, Bitcoin Cash’s Standard Ledger Protocol, Statemine, Statemint และ Tezos ผู้ใช้จึงสามารถเลือกใช้งานได้บนเครือข่ายที่สะดวกได้อย่างง่ายดาย

5. Stablecoin อันดับหนึ่ง USDT เป็น Stablecoin ที่มีความน่าเชื่อถือและมีการใช้งานมากที่สุดในระบบการเงินดิจิทัล เห็นได้จากมูลค่าตลาดอับดับหนึ่งในหมวดหมู่ Stablecoin และอันดับที่ 3 ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท และมีอุปทานที่หมุนเวียนในตลาดอยู่ที่ 9.4 หมื่นล้าน USDT (อ้างอิงข้อมูลจาก Coingecko ณ วันที่ 9 มกราคม 2024)

USDT แตกต่างกับ Bitcoin และเงินดอลลาร์อย่างไร?

จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือด้านมูลค่า โดยมูลค่าของ Bitcoin จะผันผวนไปตามความต้องการของตลาด ขณะที่ Stablecoin อย่าง USDT จะมีมูลค่าที่ค่อนข้างคงที่ตามชื่อของมัน Stablecoin จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับระบบการเงินแบบใหม่ ทำให้ผู้ใช้สามารถโยกย้ายเงินเข้าหรือออกจาก Bitcoin ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน USDT ก็มีความแตกต่างกับสกุลเงินเฟียตอย่างดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก USDT ไม่ได้ถูกออกโดยภาครัฐและไม่ถูกจำกัดขอบเขตเพียงแค่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง นี่จึงเป็นอีกข้อได้เปรียบของ Stablecoin โดยเฉพาะในประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างเงินเฟ้อ ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงสกุลเงินที่มีความมั่นคงอย่างดอลลาร์สหรัฐได้ แต่ถ้าเป็น Stablecoin ขอแค่ผู้ใช้มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พวกเขาก็สามารถเข้าถึงสกุลเงินที่มีความมั่นคงได้โดยไม่ติดข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์แล้ว

Stablecoin มีกี่ประเภท

1. Fiat-backed stablecoins Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ก็คือ Fiat-backed stablecoins ที่ผูกมูลค่าตามเงินเฟียต โดยเหรียญในกลุ่มนี้มีความมั่นคงสูงที่สุด เนื่องจากมูลค่าของ Stablecoin จะอ้างอิงตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสกุลเงินเฟียตอื่น ๆ ที่อัตรา 1 ต่อ 1

2.Commodity-backed stablecoins Commodity-backed stablecoins จะผูกมูลค่ากับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ทองคำ ที่ดิน ฯลฯ แต่อาจจะยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ เนื่องจาก Stablecoin ประเภทนี้ยังขัดกับกฎหมายหลักทรัพย์ของหลายประเทศทั่วโลก

3.Algorithmic stablecoins Algorithmic stablecoins คงมูลค่าโดยใช้อัลกอริทึมของบล็อกเชนควบคุมมูลค่าของเหรียญ เช่น หากเหรียญมีมูลค่าขึ้นไปอยู่ที่ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระบบก็จะสร้างเหรียญเพิ่มเข้ามาทำให้มูลค่าของเหรียญตกลงมาที่ 1 ต่อ 1 ตามหลักอุปสงค์อุปทาน แต่ Stablecoin ประเภทนี้ก็นับว่ามีความเสี่ยงสูงที่สุด และแทบไม่ค่อยมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จเลย

สรุป

USDT (Tether USDt) เป็น Stablecoins ที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Tether ผูกมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1 ต่อ 1 ทำให้มูลค่าของ USDT ใกล้เคียงกับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ USDT มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับระบบการเงินแบบใหม่ และยังเป็น Stablecoin ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในปัจจุบัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook