แนวโน้มราคาทอง 13 พฤศจิกายน 2567 ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
ราคาทองปรับตัวลง (-21.09) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.80%) ปิดตลาดที่ระดับ 2,597 ดอลลาร์ คาดทองคำฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
Gold spot
- สูงสุด – 2,626 ดอลลาร์
- ต่ำสุด – 2,589 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
- สูงสุด – 43,100 บาท
- ต่ำสุด – 42,750 บาท
บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทอง ฮั่วเซ่งเฮง รายงาน ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่ง และ Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งขึ้น เนื่องจากตลาดยังกังวลว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น จึงอาจทำให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในงานเสวนาที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พ.ย. เวลา 15.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. เวลา 03.00 น.ตามเวลาไทย ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 1.44 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 2.6% จากเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบรายปี
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำปรับตัวลงแรงติดต่อกันจนหลุดแนวรับ 2,600 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย คาดว่าราคาทองคำอาจฟื้นตัวขึ้นมาบริเวณ 2,610-2,620 ดอลลาร์ ทั้งนี้จับตาบริเวณแนวต้านดังกล่าว หากยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ให้ระวังแรงเทขาย
ราคาทองตลาดโลก
- แนวรับ : 2,585 และ 2,550 ดอลลาร์
- แนวต้าน : 2,620 และ 2,630 ดอลลาร์
หากราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นมายังบริเวณแนวต้าน 2,610-2,620 ดอลลาร์ แล้วยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ให้เปิดสถานะขายบริเวณ 2,620 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,630 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
- แนวรับ : 42,650 และ 42,300 บาท
- แนวต้าน : 43,100 และ 43,200 บาท
หากราคาทองคำแท่งยังสามารถยืนเหนือบริเวณ 42,700 บาทได้ คาดว่าราคาทองคำแท่งอาจมีการฟื้นตัวระยะสั้น ซึ่งราคาทองคำแท่งได้รับปัจจัยหนุนจากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ประเมินไว้ว่าหากต้องการเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ให้เข้าซื้อบริเวณดังกล่าว และขายทำกำไรบริเวณ 43,200-43,500 บาท