แนวโน้มราคาทอง 14 พฤศจิกายน 2567 ปรับลงสู่ 2,550 ดอลลาร์

แนวโน้มราคาทอง 14 พฤศจิกายน 2567 ปรับลงสู่ 2,550 ดอลลาร์

แนวโน้มราคาทอง 14 พฤศจิกายน 2567 ปรับลงสู่ 2,550 ดอลลาร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ราคาทองปรับตัวลง (-25.45) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.97%) ปิดตลาดที่ระดับ 2,572 ดอลลาร์ คาดทองคำปรับลงสู่ 2,550 ดอลลาร์

Gold spot

  • สูงสุด – 2,618 ดอลลาร์
  • ต่ำสุด – 2,572 ดอลลาร์

ราคาทองคำแท่ง

  • สูงสุด – 42,950 บาท
  • ต่ำสุด – 42,850 บาท

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทอง ฮั่วเซ่งเฮง รายงาน ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวน โดยช่วงกลางวันราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 2,620 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเกิดแรงเทขายออกมา และปิดตลาดที่จุดต่ำสุดของวัน ซึ่งราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.6% เท่ากับตลาดคาด แต่เร่งสูงขึ้น ตลาดให้น้ำหนักมากขึ้นถึง 82.8% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 58.7% ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 2.01 ตัน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากที่เพิ่มขึ้น 0.0% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3,000 รายสู่ระดับ 224,000 ราย

วิเคราะห์ราคาทอง

ราคาทองคำได้มีการฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ไม่สามารถผ่านบริเวณแนวต้าน 2,610-2,620 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ จึงเกิดแรงเทขายออกมาบริเวณดังกล่าว ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงแรง คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ต่อ และมีโอกาสไปสู่แนวรับ 2,540-2,550 ดอลลาร์

ราคาทองตลาดโลก

  • แนวรับ : 2,550 และ 2,540 ดอลลาร์
  • แนวต้าน : 2,600 และ 2,610 ดอลลาร์

ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ต่อ และมีโอกาสปรับตัวลงสู่บริเวณแนวรับ 2,540-2,550 ดอลลาร์ หากเปิดสถานะขายไว้ให้ take profit บริเวณ 2,540-2,550 ดอลลาร์หรือเปิดสถานะขายบริเวณ 2,590-2,600 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,610 ดอลลาร์

ราคาทองคำแท่ง 96.5%

  • แนวรับ : 42,300 และ 42,200 บาท
  • แนวต้าน : 42,800 และ 42,900 บาท

ราคาทองคำแท่งได้มีการฟื้นตัวขึ้นเมื่อวานนี้เข้าใกล้บริเวณ 43,000 บาท อย่างไรก็ตาม เริ่มเกิดแรงเทขายออกมา ทำให้ราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ต่อ ซึ่งราคาทองคำแท่งมีโอกาสปรับตัวลงแตะ 42,000-42,200 บาท แนะนำ Wait & See แนวโน้มหลักยังไม่มีสัญญาณซื้อเกิดขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook