ไทยพาณิชย์เดินหน้าปฏิบัติการ “เริ่ม เพื่อ รอด” พร้อมนำ SME ปรับตัวสู่ความยั่งยืน

ไทยพาณิชย์เดินหน้าปฏิบัติการ “เริ่ม เพื่อ รอด” พร้อมนำ SME ปรับตัวสู่ความยั่งยืน

ไทยพาณิชย์เดินหน้าปฏิบัติการ “เริ่ม เพื่อ รอด” พร้อมนำ SME ปรับตัวสู่ความยั่งยืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธุรกิจเอสเอ็มอียังคงเผชิญความท้าทายสำคัญจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน ตามด้วยต้นทุนค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ความกังวลทางเศรษฐกิจ ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือลูกค้าเพื่อปรับตัวรับกับความท้าทายทั้งในรูปแบบสินเชื่อ การจัดกิจกรรมสัมมนาและหลักสูตรการให้ความรู้ต่างๆ ส่งผลให้การบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีมีประสิทธิภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2567 พอร์ตสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีมีจำนวน 250,893 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบจากสิ้นปี 2566

s__50798632_0

ทั้งนี้ คลื่นความท้าทายใหม่ที่กำลังสร้างผลกระทบให้แก่เอสเอ็มอีไทย คือ การปรับตัวการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิดดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม-สังคม-ธรรมาภิบาล (ESG) เพราะเอสเอ็มอีเป็นส่วนใหญ่ของซัพพลายเชนที่ต้องปรับตัวตามธุรกิจขนาดใหญ่ หากไม่เร่งดำเนินการจะเสียโอกาสทางการค้าและสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งจากการทำกิจกรรมร่วมกับเอสเอ็มอีในหลักสูตรต่างๆ ที่ผ่านมา พบว่า จุดอ่อนของเอสเอ็มอีในการปรับตัวเข้าสู่กระแส ESG มี 5 ข้อใหญ่ๆ ได้แก่ 1)ขาดความรู้และความเข้าใจ 2) กังวลต่อต้นทุนที่จะสูงขึ้นจากการปรับตัว 3) เงินทุนและสภาพคล่องที่อาจไม่เพียงพอ 4) คู่ค้ายังไม่ให้ความสำคัญและอาจจะยังไม่เห็นผลกระทบ และ 5) ความตระหนักรู้ของพนักงานค่อนข้างจำกัด

นางพิกุล กล่าวว่า ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ให้ความสำคัญในการสนับสนุนให้ลูกค้าปรับตัวอย่างต่อเนื่องด้วยกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจด้านความยั่งยืน อาทิ โครงการ Bootcamp โครงการ IEP โครงการ DSM โครงการ IBE โครงการ The Dots โครงการ ITP และล่าสุด โครงการ Phuket ESG Start Now ซึ่งมีผู้ประกอบการมากกว่า 1,000 รายจากหลากหลายอุตสาหกรรมผ่านการอบรมการปรับตัวสู่ความยั่งยืนนอกจากนี้ ธนาคารได้นำเสนอสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing) ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อทั่วไป เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปยกระดับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในกิจการ การจัดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน การติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียและบำบัดมลพิษ โดยนับตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปจำนวนมากกว่า 3,000 ล้านบาท

ด้วยแนวคิดธนาคารไทยพาณิชย์ “อยู่ อย่าง ยั่งยืน” ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่จะนำการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนให้เกิดขึ้นแก่ทุกภาคส่วน กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี พร้อมสานต่อแนวคิดดังกล่าว โดยประกาศแนวทาง “เริ่ม เพื่อ รอด” ให้แก่ลูกค้าเอสเอ็มอีสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

s__50806810

โครงการสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing) ดอกเบี้ยพิเศษ 3.99% ต่อปี โครงการที่ปรึกษาทางธุรกิจ SCB SME Mentor รุ่นที่ 4 Sustainability เป็นที่ปรึกษาให้ธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวข้ามผ่านสู่ความยั่งยืน ผนึกกำลัง 3 หน่วยงาน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (หรือ NIA), และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และอีก 1 บริษัทเอกชน บริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมมือกันนำความรู้ ประสบการณ์ และเชี่ยวชาญการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจและใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมให้แก่นักธุรกิจ SMEs รายอื่นๆ เพื่อร่วมวางยุทธศาสตร์การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ SMEs ในระยะยาว รวมถึงการให้ทุนสนับสนุน เอสเอ็มอีเปลี่ยนสู่ความยั่งยืน อาทิเช่น การร่วมมือกับภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดแคมเปญเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยสนับสนุนค่าบริการสนับสนุนด้านการ พัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน หรือ ESG วงเงินช่วยเหลือ อุดหนุนแบบไม่มีเงื่อนไขการชำระคืน (Grant) สูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี รวมทั้งหมด ไม่เกิน รายละ 500,000 บาทต่อนิติบุคคล โดยมี SCB เป็นช่องทางหลักในการ ทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงการสนับสนุนดังกล่าว

“การปรับตัวเพื่อรับกับกระแส ESG ต้องดำเนินการควบคู่ทั้งการอบรมให้ความรู้ การให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง ด้วยแนวทาง “เริ่ม เพื่อ รอด” จะมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเพิ่มความตระหนักรู้และเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เอสเอ็มอีที่เริ่มก่อน มีโอกาสรอดก่อน และนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจมากมาย อาทิ การเข้าถึงสินเชื่อที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำ การส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี การดึงดูดนักลงทุนและลูกค้ายุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจสีเขียว ตั้งเป้าจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 1,000 กิจการ และสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท” นางพิกุล กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ธนาคารยังได้นำ 2 ตัวอย่างผู้ประกอบการที่ปรับตัวแล้วและประสบความสำเร็จร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ได้แก่ บริษัท เอ็นจีเอ็ม - เอ็กซ์ จำกัด ผู้เริ่มทำ Solution Down Gauging เป็นการลดปริมาณการใช้เม็ดพลาสติกในการผลิต โดยการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ทำให้สามารถลดขนาดความหนาของพลาสติกลงได้ แต่ยังคงประสิทธิภาพดังเดิม และบริษัท บีซีแอล 2002 จำกัด ผู้พัฒนาเส้นใยนวัตกรรม “PERMA Nano Zinc” ภายใต้แบรนด์ PERMA ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้วยการฝัง Nano Zinc ลงในเนื้อเส้นใยโดยไม่ใช้สารเคลือบหรือโลหะหนัก จึงไม่มีการหลุดลอกในระหว่างการใช้งาน ได้รับการรับรองจากการทดสอบ Cytotoxicity ตามมาตรฐาน ISO 10993-5 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยทางการแพทย์ มั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การจัดงานแถลงข่าว “เริ่ม เพื่อ รอด” จัดขึ้นในรูปแบบสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Event) ด้วยการดำเนินกิจกรรมภายในงานในรูปแบบคาร์บอนต่ำ อาทิ การเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ในการจัดงาน การจัดอาหารและเครื่องดื่มด้วยภาชนะที่สามารถใช้ซ้ำและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การแนะนำการเดินทางด้วยระบบสาธารณะ โดยแสดงผลการคำนวณคาร์บอนฟุตพรินท์จากการเดินทางของผู้ที่เข้าร่วมงานจากการลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้า และได้รับการตรวจสอบจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ พร้อมกันนี้ ธนาคารจะซื้อคาร์บอนเครดิตจากชุมชนที่มีการแยกขยะ เพื่อนำมาชดเชยจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นในงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook