ข้อมูลควรรู้ สำหรับผู้ที่อยากทำงานพิเศษที่ประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลควรรู้ สำหรับผู้ที่อยากทำงานพิเศษที่ประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลควรรู้ สำหรับผู้ที่อยากทำงานพิเศษที่ประเทศญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับใครที่มาเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น คิดว่าทุกคนต่างคุ้นเคยกับคำว่า “อะรุไบโตะ” ซึ่งแปลว่าการ "ทำงานพิเศษ" เป็นอย่างดี โดยคำว่า อะรุไบโตะ นั้นเดิมมาจากภาษาเยอรมันคำว่า "Arbeit" ที่แปลว่าทำงาน ซึ่งในปัจจุบันใครหลายๆ คนมักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า “ไบท์” แล้วหากอยากเริ่มทำงานพิเศษที่ญี่ปุ่นบ้างต้องทำอย่างไร? วันนี้เราจะมาอธิบายถึงข้อมูลต่างๆ และแนะนำวิธีการสมัครกัน


ก่อนจะเริ่มหางาน

อันดับแรกต้องบอกก่อนว่า วีซ่าที่สามารถทำงานได้ต้องเป็นวีซ่าระยะยาวเท่านั้น เช่น วีซ่านักเรียน วีซ่าแต่งงาน แน่นอนว่าวีซ่าท่องเที่ยวไม่สามารถทำได้ และเราต้องมีใบอนุญาตให้ทำงานได้เสียก่อน (ซึ่งเป็นคนละอย่างกับวีซ่า) สมัยนี้เราสามารถทำเรื่องที่สนามบินได้เลย โดยกรอกแบบฟอร์มขออนุญาตก่อนนำไปยื่นที่ช่องสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือจะไปทำที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ๆ กับเมืองที่เราพักอาศัยอยู่ก็ได้

โดยใบอนุญาตนี้มีชื่อว่า 資格外活動許可 (ซึ่งแปลว่า ใบอนุญาตให้ทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือจากที่กำหนด) ที่ตั้งชื่อแบบนี้เพราะแท้จริงแล้ว วีซ่านักเรียนนั้นกำหนดไว้ว่าทำงานไม่ได้ หากอยากทำงานโดยยังถือวีซ่านักเรียนก็ต้องมาขอรับอนุญาตให้ทำสิ่งที่ "นอกเหนือจากวีซ่านักเรียนอนุญาต" เสียก่อน

เมื่อยื่นเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะปั๊มตราให้สามารถทำงานพิเศษได้ โดยตราจะปั๊มอยู่ด้านหลังบัตรไซริวการ์ด ซึ่งเป็นบัตรที่ชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นต้องมี เปรียบเสมือนเป็นบัตรประชาชนนั่นเอง

หน้าตาตัวปั๊มแบบนี้ อยู่ด้านหลังบัตรไซริวการ์ด

ถ้าอ่านออกจะเห็นว่ามีคำว่า "28 ชั่วโมง" เขียนอยู่ เพราะในกรณีถ้าเป็นนักเรียนทำงานพิเศษได้ไม่เกิน 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

พอมีใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว เราถึงเริ่มหางานได้ โดยการหางานพิเศษในญี่ปุ่นนั้นทำได้หลายช่องทางมาก เช่น แนะนำจากคนรู้จักแบบปากต่อปาก ดูจากแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ดูตามป้ายประกาศ หรือหยิบหนังสือหางานที่วางไว้ตามสถานีรถไฟหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเราสามารถไปหยิบได้ฟรี โดยภายในหนังสือเล่มนั้นจะมีรายละเอียดงานพิเศษหลายประเภทให้เราเลือก และแต่ละเมืองแต่ละจังหวัดก็จะมีฉบับของตัวเอง เพราะฉะนั้นให้เลือกหยิบจากร้านแถวบ้าน ถ้าหยิบที่เมืองอื่นก็จะมีแต่ประกาศหางานของเมืองที่ไกลที่พักของเรา

 

เว็บไซต์แนะนำสำหรับหางานพิเศษในประเทศญี่ปุ่น

มีหลายเว็บไซต์ให้เลือก อาทิ https://townwork.nethttps://www.baitoru.com และ https://www.thaijinjob.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับคนไทยในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ มีงานร้านอาหารไทย ร้านนวด เป็นต้น นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางเว็บเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วญี่ปุ่นมีเว็บหางานเยอะมาก ทั้งงานประจำ พาร์ทไทม์ หรืองานรับจ๊อบแบบวันเดียวจบ เช่น งานอีเวนต์ เป็นต้น

หากสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียด และกรอกข้อมูลสมัครผ่านทางหน้าเว็บไซต์ หรือโทรติดต่อสอบถามทางร้านโดยตรงได้เลย สำหรับเว็บ townwork และ baitoru มีงานหลากหลายให้เลือกก็จริง แต่เป้าหมายหลักคือคนญี่ปุ่น คือไม่ได้หมายความว่าทุกที่ๆ ประกาศจะรับชาวต่างชาติ เราต้องตรวจสอบเองอีกทีตามแต่ละร้าน และก็ต้องเช็คด้วยว่าความสามารถเราพอทำงานไหนได้หรือไม่ได้

 

การสมัคร

การสมัคร

เมื่อเจองานที่ถูกใจแล้วเราสามารถติดต่อโดยโทรไปสอบถาม หรือส่งเรซูเม่ผ่านเว็บไซต์แล้วรอให้ฝ่ายนายจ้างตอบกลับก็ได้ 

สิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมคือ เราต้องมีใบสมัครหรือที่เรียกกันว่า ริเร็กคิโชะ (履歴書) แบบญี่ปุ่น ซึ่งมักใช้ยื่นเวลาไปสัมภาษณ์ โดยสามารถหาซื้อได้ที่ร้าน 100 เยนทั่วไป หรือว่าจะพิมพ์ด้วยตัวเองก็ได้

 

คนไทยชอบทำงานอะไรกันนะ

ทีนี้มาถึงคำถามที่ว่า เด็กไทยส่วนใหญ่นิยมทำงานพิเศษอะไร? แน่นอนว่าคำตอบอันดับหนึ่งก็ต้องเป็นร้านอาหารไทย ถามว่าการทำงานพิเศษที่ร้านอาหารไทยมีข้อดีตรงไหน ข้อดีคือไม่ได้ยากเกินไปสำหรับพวกเราชาวไทย (ก็อาหารบ้านเราเนอะ ค่อนข้างคุ้นเคยกันอยู่แล้ว) แถมหัวหน้าจะใจดีกว่า เพราะมักจะเป็นคนไทยด้วยกัน แถมได้ทานอาหารไทยด้วย แต่ข้อเสียก็มีนั่นก็คือ โอกาสการฝึกภาษาอาจจะค่อนข้างน้อย เพราะเป็นร้านอาหารไทย ส่วนใหญ่แต่ละร้านก็มักจะทำงานร่วมกับคนไทย แม้ลูกค้าจะเป็นคนญี่ปุ่น แต่บทสนทนาที่พนักงานเสิร์ฟคุยกับลูกค้านั้น ก็มีไม่เยอะ ไม่หลากหลาย 

ตรงจุดนี้หากใครที่ภาษาแข็งพอและอยากฝึกภาษา เราอยากแนะนำให้ไปทำงานประเภทอื่นๆ มากกว่า เพราะไม่เพียงแต่ได้ฝึกภาษา แต่ยังได้สร้างมิตรภาพกับเพื่อนร่วมงานญี่ปุ่นหรือชาติอื่น ได้เรียนรู้ระบบการทำงานจริงๆ ว่าคนญี่ปุ่นทำงานกันอย่างไรอีกด้วย เพราะคราวนี้เพื่อนร่วมงานจะไม่ใช่คนไทยแล้ว

ซึ่งงานก็มีหลากหลาย เช่น พนักงานต้อนรับในโรงแรม พนักงานร้านสะดวกซื้อ หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ใครที่ได้ภาษาอังกฤษด้วย จะมีโอกาสหางานง่ายขึ้นและได้เปรียบค่อนข้างมาก แต่แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นก็คือคนญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นภาษาญี่ปุ่นก็สำคัญที่สุดอยู่ดี

สำหรับค่าแรงที่โตเกียว หากเป็นร้านอาหารทั่วไปในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 850-1,000 เยน/ชั่วโมง (ประมาณ 250-290 บาท) และจะแพงขึ้นประมาณ 10-20% ในช่วงกะดึก นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังออกค่าเดินทางให้อีกด้วย

นอกจากนี้งานพิเศษที่เป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษาญี่ปุ่นคือ "อาจารย์" ที่สอนตามโรงเรียนกวดวิชา เพราะค่าแรงค่อนข้างสูง ไม่เหนื่อย แถมดูเท่ดูฉลาดในสายตาคนอื่น (อ้างอิงมาจากเพื่อนคนญี่ปุ่นของผู้เขียน) แต่คนไทยน่าจะทำตามได้ยาก เพราะต่อให้เราเก่งวิชาการแค่ไหน แต่ถ้าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็สอนใครไม่ได้อยู่ดี วิชาที่เราสอนได้ก็คือภาษาไทย ซึ่งคนอยากเรียนไม่เยอะ แย่งกันทำแน่นอน ส่วนบางคนที่เก่งอาจจะสอนภาษาอังกฤษได้ (แต่สมัครไปก็คงชนะชาวต่างชาติไม่ได้อยู่ดี) ฉะนั้นงานสอนอาจจะเป็นไปได้ยากนิดนึง ยกเว้นคนเก่งจริงๆ

สุดท้ายนี้อยากจะฝากคุณผู้อ่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้คือ ถ้าเราเจองานที่เราสนใจ อย่ากลัวว่าภาษาเราไม่ดีพอ ควรลองสมัครไปก่อน ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที เพราะการที่คุณไปสัมภาษณ์งานบ่อยๆ หลายที่ จะทำให้เกิดความเคยชิน แล้วความกลัวจะหายไปเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook