5 คำติดปากที่คนญี่ปุ่นใช้พูดบ่อย
ใครๆ ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นก็คงรู้ว่า มีตัวอักษรและไวยากรณ์มากมายที่ต้องจดจำ และถึงแม้คุณจำได้ทุกอย่าง จนกระทั่งสอบผ่านการวัดระดับ N1 แล้วก็ตาม ก็ยังมีอีกมากที่คุณจะต้องเรียนรู้ กว่าจะพูดได้อย่างเจ้าของภาษา เราจึงขอแอบมากระซิบบอกภาษาพูดที่ใช้กันติดปากในญี่ปุ่น ที่ใช้แล้วจะทำให้คุณดูเหมือนผู้รู้ขึ้นมาเลย
KY
KY เป็นตัวย่อของคำว่า Kuuki Yomenai (空気読めない) แปลตามตัวอักษรได้ว่า ไม่สามารถอ่านอากาศได้ออก ซึ่งในที่นี้สื่อถึงความหมายว่า ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์หรือบรรยากาศในห้องนั้นได้เลย เพราะอย่างที่รู้กันว่าสังคมญี่ปุ่นนั้นไม่ชอบความแปลกแยก คุ้นเคยกับการเก็บอารมณ์ แต่จะสื่อสารกันโดยไม่ใช่คำพูดมากกว่า ดังนั้นสำหรับนักศึกษาจบใหม่หรือคนต่างชาติที่ยังไม่คุ้ยเคยกับสังคมนั้นๆ การจะเข้าใจคนอื่นถือเป็นงานหินทีเดียว
กล่าวได้ว่า ต้นกำเนิดของคำว่า KY เกิดมาจากการไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพิธีกรรมและกฏเกณฑ์ทางสังคมของคนญี่ปุ่นนั่นเอง ดังนั้นหากคุณไม่อยากจะต้องพูดคำนี้ ก็จำเป็นที่จะต้องสังเกตคนรอบข้างให้มาก และปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับความคาดหวังทางสังคมที่คุณอยู่
Chari
หากคุณอ่านจากหนังสือสอนภาษา ในนั้นจะระบุว่า จักรยานคือ Jitensha (自転車) แต่แทนที่คนญี่ปุ่นจะใช้คำนี้ คนส่วนใหญ่กลับเรียกจักรยานว่า Chari ซึ่งเป็นคำเรียกตามเสียงกระดิ่งของจักรยาน คุณจะได้ยินคำนี้ในชีวิตประจำวันบ่อยมาก เนื่องจากคนญี่ปุ่นใช้จักรยานกันแทบเป็นกิจวัตร แม้ว่าการคมนาคมอย่างรถไฟจะครอบคลุมและสะดวกมากก็ตาม
Wanchan
หมายถึง สุนัข จริงๆ คำที่หมายถึงสุนัขจริงๆ คือ อินุ (Inu) ส่วน Wanchan นั้นเป็นการคิดคำตามการเลียนเสียงธรรมชาติหรือสัทพจน์ เลียนมาจากเสียงเห่าของสุนัข (คนไทยบอกว่าสุนัขเห่าดัง “โฮ่งๆ” แต่คนญี่ปุ่นบอกว่า สุนัขเห่าดัง “วั่งๆ” เมื่อมารวมกับคำลงท้ายว่า “จัง” ที่แสดงถึงความน่าเอ็นดู ก็กลายเป็นวั่งจัง (Wanchan) คราวหน้าจะเจอน้องหมาของเพื่อนชาวญี่ปุ่นจะใช้คำนี้เรียกก็ได้นะ
Tada
หากแปลตามตัว Tada แปลว่า “เพียงผู้เดียว” แต่ในการสนทนากับคนญี่ปุ่น คำนี้มักใช้ในความหมายว่า “ฟรี ไม่คิดเงิน” ถ้าอยากใช้คำนี้ ลองเดินไปแถวบูธชงชิมในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วถามพนักงานว่า มีตัวอย่างให้ชิมฟรีไหม โดยการชี้ไปที่อาหารชนิดนั้นแล้วพูดว่า “Tada”
Yabai
บางทีภาษาพูดก็ถูกคิดขึ้นมาโดยไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลยก็มี อย่างคำว่า Yabai ที่แปลตามตัวว่า ไม่ดี หรือ ไม่สะดวก แต่เด็กวัยรุ่นยุคใหม่ใช้คำนี้เป็นคำอุทาน เหมือนคำว่า “Oh! My God” ในภาษาอังกฤษ (ซึ่งก็คงเหมือนภาษาไทยที่ว่า พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! เจ้ากล้วยทอดนั้นก็ไม่รู้มาอย่างไรเหมือนกัน) ยกตัวอย่างเช่น เวลากินอะไรที่อร่อยมากๆ ก็จะอุทานออกมาว่า Yabai! หรือ Yabe! จริงๆ แล้วคำๆ นี้สามารถมีความหมายได้ทั้งแง่บวกและแง่ลบ ถ้าอยากเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของผู้พูด ก็ต้องอ่านอากาศให้ออก ไม่มัวแต่พูดว่า KY นะ