5 คำติดปากที่คนญี่ปุ่นใช้พูดบ่อย

5 คำติดปากที่คนญี่ปุ่นใช้พูดบ่อย

5 คำติดปากที่คนญี่ปุ่นใช้พูดบ่อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครๆ ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นก็คงรู้ว่า มีตัวอักษรและไวยากรณ์มากมายที่ต้องจดจำ และถึงแม้คุณจำได้ทุกอย่าง จนกระทั่งสอบผ่านการวัดระดับ N1 แล้วก็ตาม ก็ยังมีอีกมากที่คุณจะต้องเรียนรู้ กว่าจะพูดได้อย่างเจ้าของภาษา เราจึงขอแอบมากระซิบบอกภาษาพูดที่ใช้กันติดปากในญี่ปุ่น ที่ใช้แล้วจะทำให้คุณดูเหมือนผู้รู้ขึ้นมาเลย


KY

KYkuukiyomi.com

KY เป็นตัวย่อของคำว่า Kuuki Yomenai (空気読めない) แปลตามตัวอักษรได้ว่า ไม่สามารถอ่านอากาศได้ออก ซึ่งในที่นี้สื่อถึงความหมายว่า ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์หรือบรรยากาศในห้องนั้นได้เลย เพราะอย่างที่รู้กันว่าสังคมญี่ปุ่นนั้นไม่ชอบความแปลกแยก คุ้นเคยกับการเก็บอารมณ์ แต่จะสื่อสารกันโดยไม่ใช่คำพูดมากกว่า ดังนั้นสำหรับนักศึกษาจบใหม่หรือคนต่างชาติที่ยังไม่คุ้ยเคยกับสังคมนั้นๆ การจะเข้าใจคนอื่นถือเป็นงานหินทีเดียว

กล่าวได้ว่า ต้นกำเนิดของคำว่า KY เกิดมาจากการไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพิธีกรรมและกฏเกณฑ์ทางสังคมของคนญี่ปุ่นนั่นเอง ดังนั้นหากคุณไม่อยากจะต้องพูดคำนี้ ก็จำเป็นที่จะต้องสังเกตคนรอบข้างให้มาก และปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับความคาดหวังทางสังคมที่คุณอยู่

Chari

Chari

หากคุณอ่านจากหนังสือสอนภาษา ในนั้นจะระบุว่า จักรยานคือ Jitensha (自転車) แต่แทนที่คนญี่ปุ่นจะใช้คำนี้ คนส่วนใหญ่กลับเรียกจักรยานว่า Chari ซึ่งเป็นคำเรียกตามเสียงกระดิ่งของจักรยาน คุณจะได้ยินคำนี้ในชีวิตประจำวันบ่อยมาก เนื่องจากคนญี่ปุ่นใช้จักรยานกันแทบเป็นกิจวัตร แม้ว่าการคมนาคมอย่างรถไฟจะครอบคลุมและสะดวกมากก็ตาม

Wanchan

Wanchan

หมายถึง สุนัข จริงๆ คำที่หมายถึงสุนัขจริงๆ คือ อินุ (Inu) ส่วน Wanchan นั้นเป็นการคิดคำตามการเลียนเสียงธรรมชาติหรือสัทพจน์ เลียนมาจากเสียงเห่าของสุนัข (คนไทยบอกว่าสุนัขเห่าดัง “โฮ่งๆ” แต่คนญี่ปุ่นบอกว่า สุนัขเห่าดัง “วั่งๆ” เมื่อมารวมกับคำลงท้ายว่า “จัง” ที่แสดงถึงความน่าเอ็นดู ก็กลายเป็นวั่งจัง (Wanchan) คราวหน้าจะเจอน้องหมาของเพื่อนชาวญี่ปุ่นจะใช้คำนี้เรียกก็ได้นะ

Tada

Tada

หากแปลตามตัว Tada แปลว่า “เพียงผู้เดียว” แต่ในการสนทนากับคนญี่ปุ่น คำนี้มักใช้ในความหมายว่า “ฟรี ไม่คิดเงิน” ถ้าอยากใช้คำนี้ ลองเดินไปแถวบูธชงชิมในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วถามพนักงานว่า มีตัวอย่างให้ชิมฟรีไหม โดยการชี้ไปที่อาหารชนิดนั้นแล้วพูดว่า “Tada”

Yabai

Yabai

บางทีภาษาพูดก็ถูกคิดขึ้นมาโดยไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลยก็มี อย่างคำว่า Yabai ที่แปลตามตัวว่า ไม่ดี หรือ ไม่สะดวก แต่เด็กวัยรุ่นยุคใหม่ใช้คำนี้เป็นคำอุทาน เหมือนคำว่า “Oh! My God” ในภาษาอังกฤษ (ซึ่งก็คงเหมือนภาษาไทยที่ว่า พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! เจ้ากล้วยทอดนั้นก็ไม่รู้มาอย่างไรเหมือนกัน) ยกตัวอย่างเช่น เวลากินอะไรที่อร่อยมากๆ ก็จะอุทานออกมาว่า Yabai! หรือ Yabe! จริงๆ แล้วคำๆ นี้สามารถมีความหมายได้ทั้งแง่บวกและแง่ลบ ถ้าอยากเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของผู้พูด ก็ต้องอ่านอากาศให้ออก ไม่มัวแต่พูดว่า KY นะ  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook