สัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับสาวๆ 9nine กับการมองย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมา (ตอนที่ 2)
กลับมาอีกครั้งกับภาคต่อของบทสัมภาษณ์สาวๆ สมาชิกวง 9nine ทั้งสี่คน อันประกอบด้วย ซาทาเกะ ยูกิ (Satake Uki), มุราตะ ฮิโรนะ (Murata Hirona), โยชิอิ คานะเอะ (Yoshii Kanae) และ ซากายะ นิชิวากิ (Sayaka Nishiwaki) ครั้งนี้เราจะมาคุยกับพวกเธอถึงเรื่องงานเพลง การเป็นที่รู้จักออกไปยังต่างประเทศ และความผูกพันกับแฟนๆ นั่นเอง
เสน่ห์ 4 สไตล์ ที่น่าติดตรึงใจของ 9nine
#2 ผลงานที่โปรดิวซ์โดย เทรเวอร์ ฮอร์น (Trevor Horn) วิวัฒนาการของเพลงอันเปี่ยมเสน่ห์ของพวกเธอ
ในปี 2017 เพลง "Why don’t you RELAX?" และ "SunSunSunrise" สองแทร็คที่โปรดิวซ์โดย Trevor Horn ได้กลายเป็นผลงานที่นำเสนอตัวตน 9nine ในรูปแบบใหม่ นั่นคือมีสมาชิกเพียง 4 คน เป็นปีแรกที่มีสมาชิกน้อยที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งวงด้วยจำนวนสมาชิก 9 คน ตามชื่อ 9nine โดยเฉพาะเพลง "SunSunSunrise" นั้น ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้การแสดงบนเวทีอันร้อนแรงเพราะทุกคนได้นำสิ่งดีที่สุดออกมาให้แฟนๆ ได้เห็นนั้น ยังหมายถึงวงได้ก้าวไปอีกระดับหนึ่งแล้ว
สมาชิกแต่ละคนมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปไหมในเรื่องของการแสดงหรือเพลง หรือได้เรียนรู้อะไรบ้างตั้งแต่ที่ Trevor Horn เริ่มมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้?
ซาทาเกะ : อย่างแรก อยากจะบอกว่า การได้ทำงานกับเขาเป็นเหมือนความฝันเลยค่ะ ไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดกับคนญี่ปุ่นอย่างเราได้ (หมายเหตุ 9nine ถือเป็นศิลปินญี่ปุ่นวงดนตรีวงแรก ที่ Trevor Horn เสนอจะร่วมทำผลงานเพลงด้วย) พวกเราตื่นเต้นกันกับเรื่องนี้มากจริงๆ ทุกเพลงสร้างขึ้นจากความรู้สึกจริงๆ ทั้งของทุกคนที่มีส่วนอยู่เบื้องหลังเพลงนี้ ทั้งน้ำหนักและปฏิกิิริยาของผู้ฟัง เพื่อส่งผ่านไปถึงทุกๆ คนค่ะ
เดิมทีพอเราได้รับเพลงมา เราจะพยายามเข้าถึงอารมณ์เพลงให้มากที่สุด โดยไม่ได้เข้าใจในเรื่องกระบวนการ หรือขั้นตอนการทำเพลงตั้งแต่ต้นจบจบมากเท่าไหร่นัก แต่พอตอนนี้เราเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสรรค์บทเพลงมากขึ้น เราเลยยิ่งรู้สึกเห็นคุณค่าในเรื่องนี้มากขึ้นค่ะ
นิชิวากิ : การออกแบบท่าเต้นโดดเด่นมากค่ะ อาจารย์ RUU (Ruu-sensei) ออกแบบท่าเต้นให้พวกเราในเพลง "SHINING☆STAR" เป็นเพลงแรก ตอนนั้นที่เราเห็นท่าเต้นก็ถึงกับตะลึงไปเลยนะ มาตอนนี้ท่าเต้นก็เหมือนยิ่งล้ำไปกว่านั้นอีก แน่นอนว่างานเพลงก็เป็นส่วนสำคัญ แต่ถ้าอยากสร้างความพิเศษแล้วล่ะก็ การแสดงบทเวทีนี่แหละจะทำให้เกิดสิ่งนี้ เราจึงต้องขอให้อาจารย์ RUU ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกมาช่วย ตอนนั้นแค่อาจารย์สอนสเต็ปท่าแรกก็รู้สึกว่าสุดยอดแล้ว แต่เพราะเราอยากตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้น ดังนั้นในเพลงใหม่นี้ จะต้องมีอะไรพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
เพลงของเราไม่ใช่แค่ได้ Trevor มาร่วมทำด้วยเท่านั้น มันเหมือนกับว่าคำตอบได้ปรากฏซ้อนขึ้นมาทันที ในขณะที่เรากำลังคิดกันว่า จะทำอะไรให้มากขึ้นในฐานะสมาชิกวงกันดี และนี่แหละคือสาเหตุทำให้คนเห็นว่า “เราแตกต่างจาก 9nine ที่เคยเป็นมา” ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้น หากได้ฟังเพลงใหม่ของพวกเรา ก็จะรู้ค่ะ
มุราตะ : เราคิดถึงท่าเต้นของพวกเราตลอดเลยค่ะ ฉันเลยคิดว่าในเพลง "SunSunSunrise" นี้ เราไม่จำเป็นต้องกระตุ้นผู้ชมให้มากมายเหมือนเพลงอื่นๆ ที่เคยทำมาค่ะ
ดูเหมือนทุกคนมั่นใจมากที่จะบอกว่า เพลง "SunSunSunrise" นั้น แตกต่างจากเพลงอื่นๆ ที่เคยร้องมา?
โยชิอิ : ใช่ค่ะ เราทุ่มเทกันสุดๆ เลยค่ะ
และยังดูเหมือนกับว่า ในเพลงนี้ผู้ฟังจะต้องจับจ้องมองบนเวทีอย่างตั้งใจมากกว่าคอนเสิร์ตของไอดอลวงอื่นๆ แล้วที่ผ่านๆ มาปฏิกิริยาของผู้ชมเป็นแบบนั้นไหม?
ซาทาเกะ : เป็นแบบนั้นเลยค่ะ พอถึงเพลงนี้คนก็ระเบิดทั้งเสียงเชียร์และเสียงปรบมือตลอดการเต้นตั้งแต่ได้ยินเพลงท่อนแรกเลย มันทำให้ฉันมีความสุขมากจริงๆ เพราะสิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า “ทุกคนเข้าใจความรู้สึกพวกเราแล้ว”
โยชิอิ : มันรู้สึกแบบว่า “พวกเราเจ๋งมาก อะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะ” (หัวเราะ) ดังนั้นเราก็จะทุ่มสุดตัวกันทุกครั้งเลย
มุราตะ : แต่จะพูดไป อันที่จริงตอนแรกเราก็กังวลกันมากเลยค่ะ ว่าพอร้องอีกครั้งแล้วปฏิกิริยาผู้ชมจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า (จริงๆ เราก็กังวลแบบนี้กับทุกเพลง) พอเราสังเกตดูผู้ชม ก็พบว่า “โห ทุกคนจ้องเรากันเขม็งเลย” พาลคิดกังวลไปว่า “ทุกคนจะเข้าใจไหมนะ จะสนุกกันหรือเปล่า” แต่พอถึงจุดๆ หนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กลายเป็นความรู้สึกว่า “มาสนุกกับพวกเรากันเถอะ”
ไม่เพียงแค่การตอบรับจากแฟนๆ แต่การแสดงของ 9nine ได้พัฒนาไปถึงจุดที่มากกว่าแค่สนุก แต่คือการที่ผู้ชมได้มีส่วนร่วม เชื่อว่าแม้แต่แฟนเพลงใหม่ๆ ก็ยังต้องประทับใจในไอดอลวงนี้ เราเชื่อว่าจะต้องได้เห็นพัฒนาการใหม่ๆ และด้านอื่นๆ ที่มีเสน่ห์ จากโซโล่คอนเสิร์ตของ 9nine อย่างแน่นอน
#3 การเป็นที่รู้จักออกไปยังต่างประเทศ จากเอเชีย สู่ยุโรป และอเมริกา ทั้งหมดนี้ ภายในปีเดียว
เราคิดว่าคงมีวงไอดอลเพียงแค่ไม่กี่วงหรอก ที่เริ่มต้นจากงาน L.A. Comic Con แล้วก็มีแฟนๆ มาติดตามจากทั้งสเปนและเซี่ยงไฮ้ จากนั้นก็ได้เดินทางจากเอเชีย ไปยังยุโรป ต่อไปที่อเมริกา ทั้งหมดภายในปีเดียว เล่าให้เราฟังทั้งหมดเลยได้ไหมว่า คุณมีความทรงจำยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง?
มุราตะ : โอ้ นั่นสินะ เราไปสเปนกันด้วยนี่นาปีนี้
นิชิวากิ : นั่นสินะ รู้สึกเหมือนผ่านมานานมากเลย
ซาทาเกะ : เราตกหลุมรักทุกประเทศเลย ทุกที่ที่เราไปมีแฟนๆ มาดูเรา และทุกคนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และดีมากๆ เลย ต้องขอบคุณการ์ตูนเรื่อง The Reflection ที่ทำให้เราได้มีโอกาสออกไปยังต่างประเทศ ต้องบอกว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เรากำลังกังวลกันอย่างสาหัสว่า จะทำยังไงกับสมาชิกที่เหลือเพียงสี่คน แต่ท่ามกลางความคุกรุ่นนั้น ทีมงานของ The Reflection ก็ได้มาดูการแสดงของเรา เข้าใจสิ่งที่สื่อออกมา และอยากทำงานร่วมกับพวกเราค่ะ คือตอนนั้นการ์ตูนเรื่อง The Reflection กำลังโด่งดังในระดับโลก แล้วคุณนากาฮามะ (Nagahama) ซึ่งเป็นคนจัดงานอีเวนท์ในต่างประเทศ ก็พูดว่า อยากให้การ์ตูนเรื่องนี้ดังไปทั่วโลกพร้อมกับเพลงของ Trevor Horn ด้วยเหตุนี้เราจึงได้มีโอกาสไปแสดงสด ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เป็นจุดแข็งของพวกเราอยู่แล้ว ให้กับงานอีเวนท์ต่างๆ ที่ปกติแล้ว พวกเราคงไม่ได้เข้าร่วมในฐานะศิลปินอย่างแน่นอน
โยชิอิ : ฉันมหัศจรรย์ใจในพลังของอนิเมะมากเลยค่ะ เพราะว่ามันทำให้เราได้ไปแสดงไกลถึงยุโรป ซึ่งเราไม่เคยคิดฝันมาก่อน ไม่เคยคิดแม้แต่ว่าจะได้ไปด้วยซ้ำ ตอนนั้นเราสติแตกกันมากว่าถ้าเราไปแล้วจะเป็นอย่างไร คนที่นั่นจะมีปฏิกิริยาแบบไหน จะสนใจเราหรือเปล่า แต่คนที่นั่นรู้จักเพลงที่พวกเราร้องประกอบในอนิเมะ อย่างเพลง “Magi: The Labyrinth of Magic” ค่ะ ทุกคนก็เลยร่วมเต้นไปพร้อมกับพวกเราด้วย
นิชิวากิ : การตอบรับของทุกคนตอนที่เราเริ่มต้นร้องท่อนที่ว่า “With You/With Me” นั้นมันสุดยอดมากเลยค่ะ เหมือนกับเป็นพลัง “Magic!” จริงๆ จำได้ว่ามีผู้ชมคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนกับมีพลังเมไจเลย แล้วพอเพลงท่อนแรกดังขึ้น เค้าก็เดินมาหน้าเวทีแล้วก็มาเต้นไปพร้อมๆ กับพวกเราด้วย หรือตอนไปสเปน เราไปกันหลายที่มากๆ การได้เห็นคนที่อยู่ในประเทศที่ห่างไกลจากเรา รู้จักเพลงและเต้นตามเพลงของเราได้ถูกเป๊ะเนี่ย มันรู้สึกแปลกดีนะ มันมากกว่าคำว่าความสุขอีกค่ะ ต้องบอกว่าแปลกใจจนพูดไม่ออกเลยล่ะ
มุราตะ : พวกเขาร้องเพลงไปพร้อมกับเราได้ด้วย
ซาทาเกะ : เพลงของเราไม่ได้อัฟโหลดลงใน YouTube หรือ iTunes ด้วยนะ เราจึงคิดว่าเค้าไม่น่าจะรู้จักเพลงของเราแน่ๆ พอเค้ารู้จักยังก็เลยยิ่งดีใจ
ตอนที่คุณมีสมาชิกในวง 5 คน 8 ใน 17 เพลงของคุณเป็นเพลงประกอบในอนิเมะ เราไม่คิดว่าจะมีไอดอลคนไหนได้ร้องเพลงการ์ตูนดังๆ เยอะขนาดนี้เลยนะ ดังนั้นเราจึงหวังว่า 9nine จะโด่งดังในต่างประเทศได้มากขึ้นอีก?
นิชิวากิ : ฉันอยากไปประเทศอื่นๆ มากกว่านี้อีก จะได้ไปเจอแฟนๆ ทุกคนค่ะ
มุราตะ : แน่นอนที่สุด ยังมีคนที่ไม่รู้จักเราอีกมาก ฉันรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกแปลกๆ เวลาเห็นไอดอลญี่ปุ่น ไม่เหมือนกับคนญี่ปุ่นเองที่แสดงความตื่นเต้นออกมาได้อย่างเต็มที่ ทุกคนแสดงความกระตือรือร้นในแบบของตัวเอง แต่ยังไงก็ดีในโซเชียลมีเดียของพวกเราก็มีแฟนๆ จากต่างชาติมาคอมเมนท์ว่า มีความสุขที่ได้เจอพวกเรา เราเลยได้รู้ว่า เราสามารถร้องเพลงและแสดงเป็นภาษาญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่ เพราะแม้ว่าคนฟังจะฟังเนื้อร้องไม่ออก แต่ทุกคนก็สนุกไปกับพวกเรา ความรู้สึกแบบนี้ช่างดีมากๆ เลยค่ะ
นิชิวากิ : ยิ่งแสดงในต่างประเทศมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้หัวใจของพวกเราแข็งแกร่งขึ้น
ซาทาเกะ : แฟนๆ ต่างประเทศไม่รู้จักพวกเรามาก่อนเลยค่ะ แต่หลายๆ ครั้งกลับดูเหมือนว่าเราสามารถเข้าใจกันได้ ถึงแม้ว่าจะฟังภาษาของกันและกันไม่ออกเลยก็ตาม
นิชิวากิ : ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ จะก็มีความคิดแบบว่า ทุกคนจะสนุกไหมนะ? แต่เราก็ทำทุกอย่างเต็มที่ค่ะ เราได้เรียนรู้เรื่องนี้มากขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ยิ่งเราไปต่างประเทศบ่อยเท่าไหร่ ก็รู้สึกแบบนี้มากขึ้นเท่านั้น
อันที่จริง ดูเหมือนกับว่า ยิ่งมีคนมาดูวง9nine แสดงในอีเวนท์เป็นครั้งแรกมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีคอมเมนท์คำชมกับทุกคนมากขึ้นเท่านั้นนะ?
นิชิวากิ : ทุกคนดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นค่ะ
#4 การเป็นที่รู้จักออกไปยังแฟนๆ ต่างประเทศ ดูเหมือนจะเกิดความสัมพันธ์ระยะไกลขึ้นมาแล้ว
ทั้งการแสดงสดปี 2017 การไลฟ์สตรีมมิ่งใน “Bazuri-sensei” รวมถึงรายการ F9GBP นี่ยังไม่นับโปรเจกต์เสื้อยืด #ilove9nine เมื่อไม่กี่วันก่อนอีก ดูเหมือนว่าปีนี้ 9nine ตั้งใจจะเข้าใกล้แฟนๆ ให้มากขึ้นนะ เล่าให้เราฟังหน่อยว่า ได้ข้อความทวีทอะไรจากแฟนๆ ในโปรเจกต์เสื้อยืด #ilove9nine ที่เริ่มจัดไปตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2017 บ้าง?
มุราตะ : เราอ่านทุกข้อความทวีตจากแฟนๆ เลยค่ะ
นิชิวากิ : เราเช็คข้อความกันทุกวัน ทุกข้อความเลยค่ะ มีหลายข้อความที่น่าประทับใจมากๆ จนเราอยากจะบอกกับทุกคนต่อหน้าจริงๆ ว่า “ขอบคุณมากค่ะ”
ซาทาเกะ : ทุกคนต้องใช้เวลาคิด แล้วก็เขียนถึงพวกเราออกมา
นิชิวากิ : เราไม่ได้จัดคอนเสิร์ตเดี่ยวกันมาระยะหนึ่งแล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้เจอแฟนๆ ทุกคนเท่าไหร่ อยากบอกว่า พวกเราเราเองก็อยากเจอทุกคนเหมือนกันค่ะ เชื่อว่า เมื่อเราได้เจอกันอีกครั้ง ความรักระหว่างเราจะต้องยิ่งลึกซึ้งขึ้น และมหาศาลขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากเราสามารถใกล้ชิดกันได้มากขึ้น นี่แหละเป็นเหตุผลว่า พอเราเว้นจากการแสดงสดไปนานๆ ก็เลยชอบที่จะได้ติดต่อกับแฟนๆ แบบนี้ ระหว่างโซโล่คอนเสิร์ตครั้งหน้า เราหวังว่าจะสามารถนำความรักที่ทุกคนมีให้กับเรา มาระเบิดพลังบนเวทีได้ค่ะ
ซาทาเกะ : เราเห็นบางคนที่ไม่ใช่แฟนคลับก็ยังรู้จักโครงการ #ilove9nine ของพวกเรา และก็พูดกันว่า “วง 9nine นี่ มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับแฟนๆ ดีนะ” หรือว่า “โห โครงการนี้เจ๋งดีจัง” พอได้ยินแบบนี้แล้ว รู้สึกมีความสุขมากค่ะ
โยชิอิ : มันเหมือนกับความสัมพันธ์ระยะไกลน่ะค่ะ เรารักแฟนๆ มาก แต่เนื่องจากเรามีโซโล่คอนเสิร์ตกันไม่บ่อยนัก ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้เจอทุกคนแบบตัวเป็นๆ เท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังอยากแบ่งปันความรู้สึกรักให้กับแฟนๆ ทุกคน แบบนี้จะเรียกว่าความสัมพันธ์ระยะไกลก็ได้ใช่ไหมล่ะ? ทั้งสองฝ่ายต่างก็กระตือรือร้น และเราก็อยากรู้สึกถึงสิ่งนี้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน เราก็ตั้งตารอโซโล่คอนเสิร์ต ด้วยความรู้สึกว่า “ในที่สุด ก็ได้เจอกับทุกๆ คนซะที”
มุราตะ : ตอนนี้เราได้เห็นทุกคนใส่เสื้อยืดแค่ในรูป แต่เราอยากเห็นทุกคนที่ใส่เสื้อยืดของพวกเราแบบตัวเป็นๆ ค่ะ ถ้าฉันเขียนข้อความอะไรให้ด้วยตัวฉันเอง ทุกคนจะมีความสุขใช่ไหมคะ?
เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน ได้อ่านข้อความแฮชเท็กบนเสื้อยืดของทุกคนแล้ว รู้สึกได้เลยว่า ทุกคนตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้เป็นแฟนๆ ของ 9nine อีกทั้งพวกเธอยังได้แฟนกลุ่มใหม่ๆ จากรายการ Asakusa Bebi9 และอนิเมะเรื่อง THE REFLECTION ด้วย สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูคอนเสิร์ตของพวกเธอ เราเชื่อว่า โครงการนี้จะช่วยให้ทุกคนได้รู้ว่า 9nine สื่อสารกับแฟนๆ อย่างไร ส่วนแฟนๆ ที่ไปดูการแสดงหลายครั้งแล้ว โครงการนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะทำให้พวกเขาสนับสนุนศิลปินที่ชื่นชอบได้ นอกจากจากการไปดูคอนเสิร์ตและซื้อแผ่นซีดี ซึ่งเรามั่นใจว่า ทุกคนต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอน
ทั้งกิจกรรมต่างๆ และรวมถึงการเป็นที่รู้จักยังต่างประเทศ ต้องถือว่า ปี 2017 เป็นปีแห่งการเคลื่อนไหวของ 9nine ในรูปแบบใหม่จริงๆ จนเราตั้งตาคอยแล้วล่ะว่า แผนการในอนาคตของพวกเธอที่จะมาถึงในปี 2018 นี้จะเป็นอย่างไร คงจะคลาดสายตาไม่ได้อย่างแน่นอน
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ