ดราม่า น้ำตา ครบสูตร! "Last Idol" รายการเฟ้นหาสุดยอดไอดอลที่ลุ้นระทึกจนแทบลืมหายใจ

16 ก.พ. 61 (20:37 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

รายการประกวดร้องเพลง กลายเป็นประเภทของรายการที่ได้รับความไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น American Idol, China’s Singer หรือ Produce 101 ของเกาหลี แม้แต่ญี่ปุ่นเองรายการประกวดร้องเพลงที่ออกฉายทางทีวีก็มีเยอะมากๆ เกือบทุกสัปดาห์ก็ว่าได้ แล้ว "Last Idol" แตกต่างจากรายการประกวดร้องเพลงอื่นๆ ตรงไหน?

หลักๆ ก็คือการที่รายการนี้ได้ ยาสุชิ อากิโมโต้ (Yasushi Akimoto) มาเป็นโปรดิวเซอร์ ใช่แล้ว... เขาคือชายผู้อยู่เบื้องหลังไอดอลแห่งชาติค่าย 48 และ Sakamichi นั่นแหละ Last Idol เป็นการประกวดร้องเพลงเพื่อเฟ้นหาสุดยอดกลุ่มนักร้องไอดอล โดยได้มีการออดิชั่นกันไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว จากผู้เข้าประกวดทั้งหมดกว่า 5,000 คน โดยจากผู้เข้าประกวดทั้งหมด จะมีผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกวง Last Idol (ชั่วคราว) จำนวน 7 คน โดยทุกสัปดาห์ตลอดช่วงรายการ (เริ่มตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม) จะมีผู้ท้าชิง 1-2 คน มาแข่งขันร้องเพลงกับสมาชิกทั้ง 7 ของวง โดยมีกรรมการ 4 คนเป็นผู้ตัดสิน ใครได้เสียงมากกว่าชนะ

โดยถ้าผู้ท้าชิงเป็นฝ่ายชนะ สมาชิกคนนั้นก็ต้องสละตำแหน่งให้ผู้ท้าทายเข้ามาเป็นสมาชิกในวงแทน (จึงเป็นสาเหตุที่เรียกสมาชิก 7 คนว่าเป็น สมาชิกชั่วคราว) แต่หากฝั่งสมาชิก (ชั่วคราว) เป็นฝ่ายชนะ ก็จะอยู่ในตำแหน่งเดิมได้ต่อไป การแข่งขันมี 19 ตอน บวกกับรอบเซอร์ไพรส์อีก 2 ตอน สุดท้ายผู้ที่ยังอยู่จนถึงรอบสุดท้ายในเดือนธันวาคมทั้ง 7 คน ก็จะได้เดบิวต์เป็นนักร้องในชื่อวงว่า Last Idol หากลองดูช่วงเวลาทั้งหมด ก็คงเห็นได้ว่า สมาชิกทั้ง 7 มีช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 4 เดือน ที่จะต้องแข่งขันร้องเพลงและแสดงบนเวที หากพลาดพลั้งแพ้เพียงหนเดียว ก็หมดสิทธิ์ได้เป็นสมาชิกในวงต่อทันที

หากอยากรู้ว่าบรรยากาศการแข่งขันเป็นอย่างไร เรามีคลิปวิดีโอสั้นๆ มาให้ดู

วิดีโออาจจะไม่ยาวมาก แต่คงพอเห็นแล้วว่า รายการจะดราม่าหนักขนาดไหนตลอดการออกอากาศ 20 ตอน เพราะมันจะมีทั้งน้ำตาจากผู้พ่ายแพ้ ทั้งฝ่ายสมาชิก และฝ่ายผู้ท้าทาย ไปจนถึงความกลัวว่าจะแพ้และต้องออกจากวง นอกจากนี้ยังมีดราม่าอย่างอื่นที่ไม่ได้อยู่ในคลิปนี้อีก เช่น การตัดสินจากกรรมการที่บางทีพลาดไปเพียงคนเดียว ก็สามารถพลิกผลการตัดสินทั้งหมดไปได้

หรือแม้กระทั่งดราม่าจากแฟนเพลงที่เมื่อผลการตัดสินไม่เป็นอย่างที่คิด ก็ไปคอมเมนต์กันจนอินเทอร์เน็ตร้อนเป็นไฟ รวมถึงกรรมการเถียงกันเองก็ยังมี สำหรับผู้เข้าแข่งเอง แม้ชนะและได้อยู่ต่อ แต่ถ้าเพื่อนในวงแพ้ ก็ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในวงได้เสมอ โดยสุดท้ายสิ่งที่เป็นรางวัลให้สมาชิกและผู้ท้าทายที่สามารถเข้าไปเป็นสมาชิกในวงได้ก็คือ การได้เดบิวต์ซิงเกิลแรก นั่นคือ "Bandwagon" แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองมากก็คือ เบื้องหลังผู้ท้าชิงหลังจากได้รับชัยชนะ ว่าต้องทำอะไรบ้างในฐานะสมาชิกใหม่ของวง ซึ่งบอกเลยว่า ไม่ง่ายอย่างที่คิด

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้แข่งขันที่ตกรอบ?

นี่อาจจะเป็นกลเม็ดขอเงินค่าขนมจากแฟนรายการนิดๆ หน่อยๆ แต่ผู้ท้าชิงรวมถึงสมาชิกที่ตกรอบก็ได้กลายเป็นศิลปินในชื่อยูนิตอื่นๆ ที่เพิ่มเติมจาก Last Idol อย่าง Love Cocchi, Good Tears, Shuucream Rockets และ Someday Somewhere

Love Cocchi

Good Tears

Shuucream Rockets

Someday Somewhere

Last Idol

ถ้าสังเกตสมาชิกแต่ละวงให้ดีๆ จะเห็นมีอยู่หนึ่งสาว ที่ได้เป็นสมาชิกของทั้งสองวง เธอก็คือ มิโดริ นากาทซึกิ (Midori Nagatsuki) ซึ่งสาเหตุก็มาจากการตัดสินที่ผิดพลาดทำให้เธอต้องแพ้ แต่ก็ได้กลับมาแก้ตัวอีกครั้งด้วยการเป็นยูนิตรองในชื่อ Shuucream Rockets (สำหรับรายละเอียด ต้องไปตามดูรายการเวอร์ชั่นเต็มกันนะ)

ปัจจุบันรายการกำลังอยู่ในช่วงของซีซั่น 2 ซึ่งกติกาของการแข่งขันเปลี่ยนไปหมด คือแทนที่จะให้ผู้แข่งขันแต่ละคนมาประกวดเพื่อชิงตำแหน่งสมาชิกวง Last Idol ซีซั่นนี้จะให้ทั้ง 5 ยูนิตแข่งกันเอง เพื่อชิงสิทธิ์ในการร้องเพลงหลักในซิงเกิลที่ 2 โดยเป็นการแข่งขันแบบพบกันหมด และทีมที่ชนะมากที่สุดจะได้สิทธิ์นี้ไป

ซีซั่น 2 นี้ ได้โปรดิวเซอร์มือทองมาร่วมรายการถึง 5 คน แต่ละคนดูแลแต่ละยูนิต อันประกอบด้วย ซึงคุ (Tsunku♂), เท็ตสึยะ โคมุโระ (Tetsuya Komuro), ยาสุชิ อากิโมโต้ (Yasushi Akimoto), เท็ตสุโระ โอดะ (Tetsurou Oda), และ ริโนะ ซาชิฮาระ (Rino Sashihara) โปรดิวเซอร์ทั้ง 5 ต้องรับผิดชอบยูนิตของตัวเองทั้งเรื่องเพลง การร้อง การเต้น และเสื้อผ้า โดยการเลือกโปรดิวเซอร์นั้น สมาชิกในยูนิตจะเป็นคนเลือกแต่เป็นการเลือกแบบสุ่ม ดังนั้นผลที่ออกมาจึงกลายเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจมากๆ