รู้จักการย้อมผ้าระดับคุณภาพที่เขต Sumida ในโตเกียว
เอโดะมุราซากิ คือสีม่วงที่มีเฉดสีฟ้าผสมเล็กน้อย สีนี้นั่นเองที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าคือ สีของโตเกียว นอกจากนี้แฟนๆ คาบูกิก็ยังรู้จักสีนี้ในฐานะผ้าโพกหัวของตัวละครดัง "สึเคโรคุ" อีกด้วย
local-creators-market.com
เคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าให้แทนโตเกียวด้วยสี จะใช้สีอะไร? เนื่องจากเมืองใหญ่อย่างโตเกียวไม่มีเอกลักษณ์ที่แน่นอน แฟชั่นเองก็มีหลากสไตล์ นิยมใช้กันหลายสี ไม่มีสีใดที่พูดได้เต็มปากว่าเป็นอันดับหนึ่งเหนือสีอื่น เพราะฉะนั้นสีที่จะใช้แทนโตเกียวก็อาจจำเป็นต้องมีมากกว่าหนึ่งสีก็ได้
และเมื่อพูดถึงสี ก็ต้องพูดถึงร้านย้อมผ้าแบบดั้งเดิม ซึ่งร้านที่มีอยู่มากมายเหล่านี้สามารถย้อมผ้าให้เป็นสีที่คุณต้องการได้เพียงเลือกสีที่ต้องการ ทางร้านก็จะไปค้นหาภายในฐานข้อมูลแห่งสีสันที่เก็บรวบรวมมามากมายตั้งแต่อดีต และมักจะสามารถย้อมผ้าของคุณให้เป็นสีที่ต้องการได้ในเวลาอันสั้น ความเร็วในการย้อมผ้าของร้านผ้าญี่ปุ่นนั้นไม่ธรรมดาเลย ทุกวันนี้มีบริการที่ลูกค้าสามารถส่งผ้าให้ร้านนำไปย้อมและให้ส่งกลับมาในวันเดียวกันได้ด้วย เรียกว่าความเร็วของการบริการย้อมผ้านั้นมีค่ามากๆ ในยุคปัจจุบันที่เร่งด่วน
ในการย้อมผ้านั้น สิ่งหลักๆ ที่ต้องทำก็คือ การผสมสีจากแม่สีหลัก 3 สี นั่นก็คือแดง เหลือง น้ำเงิน ยกเว้นก็แต่เพียงบางสี เช่น สีเขียวมรกต ที่ต้องใช้สีเหลืองปนเฉดฟ้าสว่าง ผสมกับสีครามแบบแร่เทอร์คอยซ์ เป็นต้น โดยความซับซ้อนจะเริ่มจากตรงนี้เอง เพราะสีที่ผสมออกมาเหมือนๆ กัน พอนำไปยอมบนผ้าคนละชนิด ก็จะมองเห็นเป็นสีต่างๆ กันได้ นอกจากนี้ ผู้ผลิตเสื้อผ้าในปัจจุบันก็ยังนิยมนำเนื้อผ้าหลายๆ ชนิด มาใส่ไว้ในเสื้อผ้าชิ้นเดียวกันอีกต่างหาก ยิ่งทำให้เข้าใจยากเป็นทวีคูณ
นอกจากนี้ หลังจากนำผ้าที่ย้อมแล้วไปล้างทำความสะอาด สีก็จะเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้การย้อมผ้าเป็นงานหนักและซับซ้อนกว่าที่เห็น ช่างย้อมผ้าจึงต้องมีความชำนาญ และคำนวณเผื่อการเปลี่ยนแปลงเวลานำผ้าไปล้างเพื่อให้สีอยู่ตัวอีกด้วย สีที่เป็นกลางอย่างเช่นสีเทาหรือสีครีม ปริมาณเม็ดสีของทั้งสามแม่สีหลักต้องสมดุลกันอย่างมาก หากมีสีแดงมากเกิน เมือล้างแล้วก็อาจจะออกชมพู หรือหากมีสีฟ้ามากเกิน เมื่อล้างแล้วอาจจะออกมาเขียวก็ได้
ด้วยประสบการณ์มากมายที่ร้านสั่งสมมาตั้งแต่อดีตนี่แหละ ที่ทำให้ร้านย้อมผ้าของญี่ปุ่นสามารถผลิตผลงานได้อย่างรวดเร็วและทำสีได้อย่างแม่นยำ แม้ในปัจจุบันร้านย้อมผ้าหลายๆ ร้านเช่น Uchida Dyeing Works จะใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องวัดแสง Spectrophotometer ที่ช่วยในการผสมสีที่จำให้ปริมาณเม็ดสีผิดพลาดน้อยกว่า 0.0001% ของแต่ละกิโลกรัม แต่สุดท้ายผลงานจะออกมาดีหรือไม่ดีนั้นก็อยู่ที่ฝีมือและสายตาของเหล่าช่างฝีมืออยู่ดี ถ้าคุณลองถามดู เหล่าช่างย้อมผ้าจะต้องตอบคุณแน่นอนว่า "แค่เห็นตัวอย่างสีก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร"
การย้อมผ้าด้วยมือยังมีประโยชน์ในการรับออเดอร์ปริมาณเล็กๆ เช่น 10-20 ตัว ซึ่งเป็นปริมาณที่โรงงานใหญ่ๆ ไม่สามารถรับทำได้ โดยทาง Uchida Dyeing Works มีช่างฝีมือการย้อมผ้าประมาณ 10 กว่าคน แต่ละคนสามารถย้อมได้วันละ 5-6 ถัง แม้จะเล็กแต่รวมๆ แล้ววันหนึ่งสามารถย้อมงานผ้าได้หลายร้อยชิ้นเลยทีเดียว
เหล่าลูกค้าชาวญี่ปุ่นนั้นเคร่งมากๆ กับการที่สีจางก่อนเวลาอันควร หรือแย่ไปกว่านั้นก็คือสีตก เพราะเป็นสัญลักษณ์ของงานฝีมือที่ไม่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นร้านที่ละเมียดค่อยๆ ทำงานฝีมือทีละชิ้นๆ แบบนี้ ก็ยิ่งมีความคาดหวังจากลูกค้าสูง แต่อย่างไรก็ตาม เหล่าช่างฝีมือแห่งเมือง Sumida ก็ยังผลิตผลงานที่มีคุณภาพออกมาได้อย่างต่อเนื่อง