วิธีรับมือปัญหานอกใจสไตล์เมียญี่ปุ่น 2019
ปัญหาระดับโลกที่อยู่กับเรามาทุกยุคสมัย ต่อให้จะสวยเลิศ แสนดีเป็นแม่พระขนาดไหน ก็ยังหนีไม่พ้นปัญหาการนอกใจของสามี เรามาดูกันสิว่าเหล่าสาวๆญี่ปุ่นเขาจะมีวิธีรับมือและคำแนะนำกับปัญหาแบบนี้กันอย่างไรบ้าง
ก่อนพายุจะมา ก็ย่อมมีเมฆครึ้มมาให้เห็น เช่นเดียวกันคนของเรากำลังนอกใจหรือเปล่าก็ย่อมมีสัญญาณที่ส่งกลิ่นมาแน่นอน คนญี่ปุ่นกล่าวว่าจะมีสัญญาณดังต่อไปนี้
- ตอนอยู่ด้วยกันไม่ดูโทรศัพท์เลย ไม่เช็กเมลเลย มีข้อความเข้ามาก็ปัดๆทิ้ง
- อยู่ดีๆก็ใจดี ตามใจโดยไร้สาเหตุ
- ทำเป็นคุยแต่เรื่องงาน หรือมีธุระด่วนเกี่ยวกับที่ทำงาน
- จะติดต่อทีลำบากเสียเหลือเกิน
- กลับเป็นฝ่ายให้เรารู้สึกผิด เพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองทำ
แหม ถ้าที่รักของใครกำลังเข้าข่ายละก็ เตรียมรับมือไว้ได้เลย แต่ป้าก็เชื่อใจว่า Sense ของผู้หญิงเรานั้นแม่นเสียยิ่งกว่าอะไร ใช้สัญชาตญาณที่สั่งสมมากันได้เลย
จะชาติไหนก็มีปัญหาเรื่องนี้
ไม่ว่าชาติไหนก็หนีไม่พ้นปัญหาสุดคลาสสิคแบบนี้จึงนำไปสู่การหย่าร้างที่มากขึ้น
ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นพบว่าทุกๆคู่รัก 3 คู่จะมีคู่รัก 1 คู่ที่หย่าร้างกันหรือคิดเป็น 1 ใน 3 และมีทีท่าจะมาเพิ่มมากขึ้นด้วยนะ
ป้าเจอว่านอกจากปัญหาเรื่องทางกายจากเรื่องอย่างว่าแล้ว มี 3 เหตุผลใหญ่ๆที่ทำให้คนตัดสินใจเลิกกัน
จากมุมฝ่ายชาย คือ
- นิสัยเข้ากันไม่ได้
- อยู่ไปก็ทำร้ายจิตใจกันเปล่าๆ
- ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องไม่ดี
ส่วนฝ่ายหญิงได้ให้เหตุผลที่หย่าเพราะ
- นิสัยเข้ากันไม่ได้
- ไม่ช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- อยู่ไปก็ทำร้ายจิตใจกันเปล่าๆ
ดูๆไปก็เพราะปัญหาการไม่เข้ากันในหลายๆอย่างที่ยิ่งอยู่นานไป ก็ยิ่งเห็นมุมที่ไม่น่ามองของกันและกัน จากหมั่นเติมความหวานให้กันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจนกลายเป็นความชินชาไปเรื่อยๆ...
ป้าจึงขอสรุปคำแนะนำจากแม่บ้านญี่ปุ่นไว้ 3 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
1.นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
เมื่อได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลหรือมั่นใจแล้วว่าสามีตัวเองแอบไปมีกิ๊กแน่ๆ ป้าเข้าใจ ใครรับรู้เรื่องอย่างนี้แล้วใครจะไปทนไหวแต่สาวญี่ปุ่นเขาก็แนะนำว่าอย่าเพิ่งโวยวาย โมโหโทษสามี หรือจะไปตีฟันเมียน้อยจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เพราะขอบอกเลยว่าโมโหไปก็เท่านั้น มีแต่ทะเลาะกันเปล่าๆแถมบางครั้งผู้หญิงเองกลับจะมาต้องรู้สึกผิดอีก ผลลัพธ์ที่ออกมากลับตรงกันข้ามไปซะหมด ไม่มีอะไรดีขึ้น ดังนั้นป้าว่าสงบสติอารมณ์ก่อนอันดับแรก ใจเย็นๆ ตั้งจิตหรือมโนในใจเราไปเลยว่าเราคือพญาหงส์ สวย เลิศ เชิด สามารถรับมือกับปัญหาได้ทุกอย่าง แล้วค่อยเผชิญหน้าพูดคุยกับสามี (ตัวปัญหา) แบบจริงๆจังๆได้อย่างมีสติ
2. อย่าควบคุมมากเกินไป
ภรรยาหลายคนไม่น้อยเมื่อเห็นท่าทีไม่น่าไว้ใจก็เริ่มจับตาสามีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตาม GPS ห้ามสามีไม่ให้ไปงานโนมิไก (งานเลี้ยงกินเหล้า) จำกัดการใช้เงิน ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดมูลเหตุ การนอกใจเพื่อให้สบายใจ แต่เท่าที่ป้าอ่านมาขอบอกเลยว่าผิดมหันต์ เพราะเรื่องอย่างนี้ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ สามีภรรยาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็ขึ้นกับความไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นสำคัญ อ่านบทความไปมาก็ชวนให้ป้านึกถึงคำพูดของภรรยาประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง ที่เคยพูดไว้ว่า “ผู้ชายที่รักคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปควบคุม ผู้ชายที่แย่กับคุณ เขาก็จะไม่ยอมให้คุณคุม และถ้าหากเขาไม่รักคุณแล้ว คุณก็ควบคุมเขาไม่ได้อยู่ดี” แหม คมคาย สมเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของจีนจริงๆ
3. หลักฐานมัดตัวแล้ว จะเลิกไม่เลิกดีละ
เอาละคุยกันก็แล้ว ปรับความเข้าใจก็แล้ว สามียังทำตัวเหมือนเดิมแถมเก็บความลับได้แพรวพราวกว่าเดิมอีก สาวๆคงต้องเลือกแล้วละจะสู้ต่อหรือจะปิดจ๊อบทางใครทางมัน ป้าไปเจอบอร์ดที่แม่บ้านญี่ปุ่นเขาคุยกัน เขาบอกว่ารีบปิดจ้อบไปเลย เจ็บแต่จบ เพราะเหล่าแม่บ้านบอกว่าการนอกใจก็เหมือนแมลงสาบ ถ้าเจอหนึ่งตัวแล้วละก็ยังไงซะก็ต้องมีอีก 100 ตัว (เปรียบได้เห็นภาพจริงๆ) ทีมแม่บ้านที่ขอเลือกวิธีนี้ ต่างลงความเห็นกันว่าทนไปก็มีแต่จะเจ็บกันไปเปล่าๆ ตัดเรื่องแย่ๆเอาเวลาไปทำชีวิตให้ดีขึ้นและมีความสุขดีกว่า
ส่วนคนที่ยังยอมทน อาจเนื่องด้วยมีลูกด้วยกัน หรือมีปัญหาด้านการเงินเพราะเมื่อแต่งงานแล้วก็เป็นแม่บ้านเต็มตัว เหล่าแม่บ้านก็แนะนำว่าอย่าเพิ่งไปโมโหตีโพยตีพาย ค่อยๆพูด เอาความอ่อนโยนเข้าสู้ เอาน้ำเย็นลูบน้ำร้อนค่อยปรับเข้าหากัน หากเจอเหตุการณ์อะไรอีกก็ปิดตาข้างเดียว เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเราเอง ไปหากิจกรรมสนุกๆให้ชีวิต จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เครียดกันไปเปล่าๆ
อาจต้องขอแรงมืออาชีพ ด้วยนักสืบชู้สาว
ทำตามวิธีนู้นก็แล้ว นี้ก็แล้วยังจับหลักฐานสามีตัวดีไม่ได้สักที อย่างนี้คงต้องพึ่งมืออาชีพแล้วแหละ
ที่ญี่ปุ่นมีธุรกิจนักสืบที่รับจ้างสืบเรื่องชู้สาวโดยเฉพาะ (เปิดกันเป็นร้านเฉพาะทางจริงจัง) เท่าที่ป้าเห็นก็ใช้เวลา 3-5 วัน ราคาก็ซักสองแสนเยนขึ้นไป (หกหมื่นกว่าบาท) จะให้ไปเก็บข้อมูล เก็บหลักฐานวันไหน ช่วงเทศกาลไหน สถานที่ไหนก็ได้ เช่น ตอนสามีต้องไปทำงานต่างจังหวัด หรือช่วงเทศกาลคริสต์มาสหรือวาเลนไทน์ก็ตามแต่สะดวก ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก ทุกอย่างอยู่ในแพคเกจที่จ่ายไป ตัวอย่างกรณีรู้เป้าหมายแล้ว นักสืบก็จะเริ่มจากบ้านของฝ่ายหญิงแล้วตามไปเรื่อยๆว่าหนึ่งวันทำอะไรบ้าง เจอกับสามีเวลาไหนบ้าง เท่านี้ก็ได้หลักฐานมัดตัวเรียบร้อย
ตรวจ DNA กันไปเลย เดี๋ยวนี้มีเป็นธุรกิจใหญ่โต
ป้าไปอ่านเจอคำแนะนำจากเหล่าแม่บ้านมา บอกเลยว่าสตรองสุดๆเพราะแม่บ้านญี่ปุ่นแนะนำให้ตรวจ DNA กันไปเลยจะได้รู้แล้วรู้รอด ป้าคิดว่าผู้หญิงเป็นเพศที่มโน อาจเข้าข้างตัวเองว่าเขากำลังรักเราอยู่ ใครที่อยากรู้ความจริง เอาให้ชัวร์ไปเลยคงต้องทำตามวิธีนี้แต่อาจต้องลงทุนลงแรงเล็กน้อย เพราะต้องแอบเก็บหลักฐานเงียบๆ เช่น ของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ เสื้อผ้า ชุดชั้นใน หรือเส้นผม แล้วเก็บใส่ถุงซิปล็อคอย่างดี แล้วนำไปตรวจ
ได้ยินคำว่าตรวจ DNA ใช่ว่าจะยาก เดี๋ยวนี้มีบริการเฉพาะทางที่ขั้นตอนสมัครง่ายมากๆ แค่ลงทะเบียนในโฮมเพจ ส่งหลักฐานทางไปรษณีย์ รอผลตรวจที่บ้าน 2-3 อาทิตย์ก็รู้ผล ราคาถูกสุดที่ป้าเห็นก็ประมาณ 68,000 เยน (2 หมื่นบาทนิดๆ) นี่คือแพคเกจที่ใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายได้นะ
ใครสนใจก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ http://dna.jpn.com/dna_uwaki.html มีภาษาอังกฤษด้วยและเหมือนจะเพิ่งเปิดสาขาในไทย แม่บ้านชาวไทยที่กำลังกลุ้มใจอยู่ก็ลองดูไว้เป็นทางเลือกได้นะ กันไว้ดีกว่าแก้ ด้วยคำแนะนำจากสาวญี่ปุ่น