10 ทริคเด็ดวิธีประหยัดเมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น
ตั้งแต่ซื้อน้ำจากร้านขายยา กินข้าวจาก"ร้านหนึ่งเหรียญ" มีเทคนิคมากมายที่จะช่วยให้เราประหยัดได้ในประเทศแสนแพงอย่างญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นอะไรก็แพงไปหมด~ จะซื้อจะกินอะไรแต่ละทีคิดแล้วคิดอีกกันใช่ไหม ครั้งนี้ป้าเมโกะมี 10 ทริคเล็กๆน้อยๆในการเที่ยวญี่ปุ่นอย่างประหยัดจะได้เก็บส่วนที่เหลือแม้จะไม่มากนี้เอาไปช้อป ไปกินให้หนำใจดีกว่า~
1. ร้านขายยาที่พึ่งพิงราคาประหยัด
ป้าอยู่ญี่ปุ่นมานาน ร้านขายยาเป็นทุกอย่างของป้าจริงๆ บอกเลยว่าไม่ได้ขายแค่ยาหรือเครื่องสำอางเท่านั้นเพราะที่ญี่ปุ่นร้านขายยาเหมือนซุปเปอร์ย่อมๆเลยเพราะมีทุกอย่างไม่ว่าจะของสด ขนม น้ำ ใครเที่ยวเพลินแล้วเกิดหิวน้ำอย่าเพิ่งรีบวิ่งเข้าเซเว่นหรือแฟมิลี่มาร์ท ลองมองดูแถวๆนั้นว่ามีร้านขายยาอยู่รึเปล่า เพราะน้ำดื่มพวกน้ำชาน้ำอัดลมที่ร้านขายยานั้นถูกกว่าร้านสะดวกซื้อมากๆ เช่น เท่าที่ป้าเห็นน้ำที่ถูกที่สุดในร้านสะดวกซื้อก็คือน้ำชาแบรนด์ร้านสะดวกซื้อนั้นๆโดยจะตกขวดละ 100-150 เยน แต่ที่ร้านขายยาจะเจอน้ำชาถูกสุด 50-70 กว่าเยน น้ำเปล่าน้ำอัดลมก็เช่นกัน แนะนำจริงๆ~
นอกจากนี้ใครอยากหาซื้อขนมถุงกิน ร้านขายยาก็มักถูกกว่าร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์เสียอีกนะ เท่าที่ป้าเห็นบ่อย พวกมันฝรั่งทอด ช็อกโกแลตแท่งหรือเยลลีที่ฮิตๆกัน ร้านขายยามักถูกกว่าที่อื่นเยอะเลย อีกทั้งพวกของสดๆ เช่นขนมปัง โยเกิร์ต สลัดผัก ตอนเย็นๆก็จะลดราคาอีกเหมือนซุปเปอร์ เพราะเขาขายของไม่ค้างคืน ซึ่งจุดนี้ต่างกับร้านสะดวกซื้อที่ไม่มีส่วนลดให้นะเออ~
2. กินอาหารร้านเหรียญเดียว 1Coin
เดินช้อปเพลินแล้วท้องเริ่มร้องละก็ กำเหรียญ 500 เยนไว้ให้แน่นแล้วมองหาร้านอาหาร 1 Coin ไว้เลย เพราะร้านอาหาร 1 Coin คือร้านที่ขายอาหารในราคาเหรียญ 500 เยนเหรียญเดียวเท่านั้น (รวมภาษีแล้วด้วยนะ) อารมณ์ว่าจ่ายมาแค่เหรียญเดียวก็กินได้เลย วิธีสังเกตคือหน้าร้านจะเขียนคำว่า 1 Coin ไว้นั้นเอง ราคาพอๆกับกินข้าวในห้างกทม คุณภาพและปริมาณก็สู้ได้เช่นกัน
แต่ร้านที่ขายทุกเมนู 500 เยนอาจต้องเดินหาสักหน่อยสำหรับนักเที่ยวมือใหม่ ใครที่ไม่อยากเสียเวลาเดินหาและท้องเอาแต่ร้องจ๊อกๆป้าขอแนะนำว่าให้คนที่อยากทานของอร่อยตามร้านอาหารแต่งบจำกัดลองจัดสรรเวลาทานข้าวดู เพราะที่ญี่ปุ่นตอนเที่ยงนั้นราคาอาหารคุ้มกว่าตอนเย็นมาก เนื่องจากร้านอาหารทั่วไปมักมีโปรโมชั่นอาหารกลางวัน จัดเป็นเซ็ตน่าทานปริมาณจุใจ ซึ่งราคาถูกมากถ้าเทียบกับตอนเย็นมักขายเป็นจานแยกๆ ไม่ได้เป็นเซ็ตที่รวมหลายอย่าง ดังนั้นใครไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวแนะนำให้เข้าตอนกลางวันจะคุ้มกว่าตอนเย็นมากแม้ว่าจะเป็นร้านเดียวกัน
หรืออีกวิธีสังเกตร้านอาหารราคาน่าคบคือร้านยืนกิน ลักษณะร้านตรงตัวตามชื่อคือไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง รีบกินรีบไป ร้านอาหารยืนกินมีหลายประเภท ที่เห็นได้เยอะคือพวกร้านอุด้งโซบะ ข้าวหน้าต่างๆ หรือร้านซูชิยืนกินก็มีให้เห็นเช่นกัน ส่วนมากมักเจอในย่านที่ซาลารี่แมนเยอะๆ นอกจากจะได้ลองชิมอาหารท้องถิ่นที่คนญี่ปุ่นกินเป็นปกติกันแล้วลองไปทานแข่งความเร็วกับคนญี่ปุ่นดูก็สนุกไปอีกแบบ~
3. ไวไฟฟรีตามสถานที่ต่างๆ
ใครเช่าเน็ตมาแล้วเกิดหมดหรืออยากประหยัดไว้ใช้ตอนจำเป็นก็ไม่ต้องห่วง เนื่องจากญี่ปุ่นเขาตื่นตัวกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ปี 2020 ที่ญี่ปุ่นเลยมีแหล่งไวไฟฟรีเยอะขึ้นมากถ้าเทียบกับสมัยก่อน สถานที่หลักๆที่จะพบ Free Wi-Fi เลยคือ ภายในสถานีรถไฟใต้ดิน Metro รถบัสประจำทาง ร้านสะดวกซื้อต่างๆ และตามห้างหรืออย่างย่านดังเช่น Ikebukuro ก็มีไวไฟฟรีของเขตให้ใช้ครอบคลุมทั่วแหล่งช้อปปิ้งในย่านนั้น วิธีใช้ส่วนใหญ่แล้วคล้ายกันคือให้กรอกอีเมล์ของเราแล้วตอบตกลงเงื่อนไขการใช้ เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จก็ใช้ฟรีได้เลย
4. ซื้อบัตรรถไฟเติมเงิน pasmo/suica ไปเลย
มาเที่ยวญี่ปุ่นแม้จะไม่กี่วัน ป้าก็แนะนำให้ซื้อบัตรโดยสารแบบ PASMO/SUICA ไปเลย เพราะถ้าใช้บัตรพวกนี้ขึ้นรถไฟหรือรถสาธารณะต่างๆ ราคาค่าโดยสารนั้นถูกกว่าการซื้อตั๋วปกติ เช่น เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน 1 สถานี ปกติค่ารถ 170 เยน แต่ถ้าใช้บัตรเหลือ 165 เยน หรือรถบัสประจำทางก็ลดเช่นเดียวกัน
บัตร PASMO/SUICA นี้ยังสามารถใช้แทนเงินสดในร้านค้าต่างๆ ร้านสะดวกซื้อได้อีกด้วย ไม่ต้องแบกเหรียญให้หนักและยังได้เงินมัดจำคืนเมื่อคืนบัตรอีกด้วย นอกจากประหยัดเงินแล้วข้อดีอีกอย่างนึงก็คือประหยัดเวลานั่นเอง
5. นั่งรถบัสตอนกลางคืน
เพียงจัดการเวลาดีๆก็ประหยัดได้แล้ว รถบัสกลางคืนหรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 夜行バス Yako Bus ตอบโจทย์ทุกอย่าง นั่งสบาย ประหยัดงบและประหยัดเวลา การเดินทางไกลด้วยรถบัสตอนกลางคืนนั้น ถูกกว่าชินกังเซ็น แถมได้ประหยัดค่าโรงแรมไปได้เลย 1 คืน ตัวอย่างเช่น ออกจากโอซาก้าประมาณ 23.50 น. ก็จะถึงโตเกียวประมาณ 8.30 น. พอดี นอนในรถตอนกลางคืน พอเช้าถึงแล้วก็ไปเที่ยวต่อได้สบาย เหมาะมากกับวัยรุ่นหรือคนที่นอนในรถได้ไม่มีปัญหา จะประหยัดได้มากๆ
6. ซื้อตั๋วและบัตรลดจากร้านขายตั๋ว
ใครอยากไปดิสนีย์หรือซื้อของในราคาโปรโมชั่นต้องมาที่ร้านขายตั๋ว Ticket Shop เลย โดยสังเกตไม่ยากหน้าร้านจะมีตัวหนังสือ ตัวเลข และป้ายติดเต็มไปหมด ส่วนในตู้กระจกจะมีตั๋ววางอยู่มากมายทั้งตั๋วคอนเสิร์ต ตั๋วรถไฟ ตั๋วดิสนีย์เป็นต้น (ตอนป้าเด็กๆมาญี่ปุ่นและอ่านญี่ปุ่นไม่ออก ป้านึกว่าเป็นร้านแทงม้า 55)
ร้านพวกนี้จะขายตั๋วลดราคาของที่ต่างๆมากมาย เช่น ตั๋วดิสนีย์แลนด์ สวนสนุกฟูจิคิว นิทรรศการ คอนเสิร์ต รถไฟชินคันเซ็น หรือส่วนลดร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านแมคโดนัลด์ ร้านอิซากายะ (ร้านนั่งดื่ม) หรือส่วนลดของเบียร์ ข้าวสาร ก็มีเหมือนกัน ใช้ส่วนลดพวกนี้แล้วได้ซื้อของราคาถูกก็จริง แต่อย่าลืมดูระยะเวลาและเงื่อนไขการใช้ดีๆ เพราะส่วนมากมักกำหนดเวลาการใช้ไว้อย่างชัดเจน ร้านขายตั๋วมีอยู่ทั่วไปตามแหล่งท่องเที่ยวที่หาง่ายเช่น ที่สถานี Shinjuku ฝั่ง West Exit ติดกับร้าน Uniqlo มีอยู่หลายร้านเลย ไปลองดูกันได้
7. ของลดราคาในซุปเปอร์
ชอบซื้อของไปนั่งกินเองในโรงแรมห้ามพลาด เพราะของดีราคาถูกหาได้ที่ซุปเปอร์ญี่ปุ่น เพียงแต่ขอให้ไปถูกเวลาเท่านั้น โดยเมื่อใกล้เวลาห้างปิดยิ่งเป็นสวรรค์ของเรา~ เพราะซุปเปอร์เน้นของสดใหม่ทุกวันจึงไม่มีการค้างคืน อาหารสดต่างๆ เช่น พวกข้าวกล่องเบนโตะ ของทอด ซูชิ มักลดราคากันเยอะช่วงก่อนห้างปิด ใครจะซื้อเก็บไว้ทานตอนเช้าก็ดีไม่เบา เพราะที่ญี่ปุ่นร้านอาหารที่เปิดตอนเช้าแบบบ้านเราไม่ค่อยมี ที่ญี่ปุ่นร้านอาหารส่วนใหญ่แล้วเปิดกันประมาณ 11 โมงเป็นต้นไป ตอนเช้าคนญี่ปุ่นถ้าไม่ทำอาหารเองก็ต้องเข้าร้านสะดวกซื้อลูกเดียว ดังนั้นซื้อมาเก็บไว้แช่ตู้เย็นโรงแรมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกนะเออ~
8. แอพลดราคา
เดี๋ยวนี้หลายร้านเขาอยากให้ลูกค้าหันมาใช้แอฟของร้านเขามากขึ้น ดังนั้นจึงให้ส่วนลดหรือมีโปรโมชั่นมายั่วยายั่วใจให้โหลดแอพ อย่างเช่น ร้านสะดวกซื้อเซเว่น เมื่อโหลดแอพและลงทะเบียนเรียบร้อยก็จะได้ส่วนลดกาแฟทันที หรือบางร้านก็จะให้แอดไลน์ของร้านก็ได้ส่วนลด (ป้าเพิ่งช้อปที่ร้าน GAP มาก็ได้ส่วนลดเพิ่มอีก 10% อิอิ) นอกจากนี้ยังมีแอพรวมส่วนลดต่างๆ ที่รวมส่วนลดร้านอาหาร ร้านค้าหลากหลายไว้ในแอพเดียว เพียงโชว์ส่วนลดในแอพก็ได้ส่วนลดไปเลย
9. นอนโรงแรมแคปซูล
ใครหาโรงแรมแล้วไม่ถูกใจสักทีเพราะอันนั้นก็แพง อันนั้นก็ไกลสถานี แนะนำให้ลองมาพักโรงแรมแคปซูลกันดู เพราะตอบโจทย์ทุกอย่าง ราคาที่พักเท่าที่ป้าเห็น ก็คืนละตั้งแต่ 3,000 เยน (ซึ่งถือว่าราคาย่อมเยาถ้าเทียบกับโรงแรมทั่วไป) และมักตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวดังๆใกล้สถานีรถไฟ และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะสมัยนี้เขามีระบบเข้าออกโดยคีการ์ดทั้งประตูและล็อคเกอร์อย่างรัดกุม ที่สำคัญห้องอาบน้ำมีสบู่แชมพูให้พร้อม บางที่ดีๆหน่อยมีครีมบำรุง ไดร์เป่าผมในห้องแต่งตัวให้ใช้ฟรีอีกไม่ต้องหิ้วของมาให้ลำบาก เพียบพร้อมพอๆกับโรงแรมห้องส่วนตัวนะ
ส่วนใครวัยรุ่นสายชิลล์มาเที่ยวญี่ปุ่นแบบสัมภาระไม่เยอะหรือไม่ได้มาเป็นกรุ๊ปใหญ่ ลองมานอนที่ร้านมังงะ หรืออินเตอร์เน็ตคาเฟ่ก็ได้เช่นกัน ร้านพวกนี้ไม่เหมือนร้านเน็ตหรือร้านหนังสือการ์ตูนที่ไทย เพราะค้างคืนได้และค่อนข้างปลอดภัย แต่ละคนมีห้อง(เล็กๆ) ส่วนตัว สิ่งอำนวยความสะดวกแทบจะแทนโรงแรมได้เลย เพราะไม่ว่าจะห้องอาบน้ำ เครื่องซักผ้า บริการขายอาหารก็มีทั้งนั้น (ทุกอย่างขนาดเล็กลงมา และไม่หรูเท่าโรงแรม) ป้าเห็นร้านเน็ตแถวที่ทำงานนอกจากจะมีดริ้งบาร์ที่ดื่มไม่อั้นแล้วยังมีซอฟครีมไม่อั้นให้บริการด้วย คุ้มจริงๆ
10. เรียนวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ฟรีที่สำนักงานเขต
ใครอยากรู้จักและเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นเพิ่มเติม ไม่ต้องเสียเงิน ตามสำนักงานเขตของแต่ละเมืองเขาก็มักจะเปิดให้คนต่างชาติเข้าไปเรียนได้ฟรี มีกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย สำหรับคนที่มาเที่ยวโตเกียวป้าแนะนำให้มาที่สำนักงานเขตชินจูกุ (ใกล้ที่เที่ยวคาบุกิโจเลย) เพราะเดินทางสะดวกและมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 นี้มีทั้งพิธีชงชา การจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น หรือการเล่นเครื่องดนตรีญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้วไม่ต้องจองล่วงหน้าและมักจัดวันเสาร์ อาทิตย์ แต่กิจกรรมและตารางเวลาเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละเดือน เหมาะมากๆกับคนที่อยู่ญี่ปุ่นยาวๆ แต่คนที่มาเที่ยวก็ไม่ได้ห้ามนะ
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์
www.foreign.city.shinjuku.lg.jp (อังกฤษ)
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 ทริคที่แนะนำกันไป แม้จะช่วยประหยัดได้เล็กๆน้อยๆแต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะจะได้เอาเงินไปช้อปไปชิมของอร่อยหรืออะไรที่เราอยากทำแทนดีกว่า ใครมีทริคเด็ดๆก็มาแบ่งปันให้ป้าเมโกะบ้าง ช่วงนี้ร้อนเงินยังไงไม่รู้ ฮ่า
รัก
ป้าเมโกะ