โตเกียว vs โอซาก้า เที่ยวเมืองไหนดี?
หนึ่งในปัญหาโลกแตกโดยเฉพาะสำหรับคนที่ตั้งใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก คือไม่รู้ว่าควรจะไปเมืองไหนก่อนดีระหว่างโตเกียวและโอซาก้า จะเที่ยวพร้อมกันทั้งสองเมืองเลยได้มั้ย? ทั้งสองเมืองมีจุดเด่น จุดด้อย หรือมีอะไรที่ต่างกันบ้าง? วันนี้เราจะลองมาเปรียบเทียบให้ฟังกันชัดๆ ให้ทุกคนเข้าใจและตัดสินใจเที่ยวได้ง่ายยิ่งขึ้น
ที่เที่ยวภายในเมือง
โตเกียว – ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โตเกียวถือเป็นเมืองที่มีย่านท่องเที่ยวระดับโลกที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นย่านชินจูกุ อุเอโนะ ชิบูย่า ฮาราจูกุ กินซ่า รปปงงิ และอีกมากมาย
แถมโตเกียวยังมีแลนด์มาร์คที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างโตเกียวทาวเวอร์ โตเกียวสกายทรี วัดอะซากุสะ ไปจนถึงที่เที่ยวยอดฮิตอย่างโตเกียวดิสนีย์แลนด์ แค่จะเที่ยวที่หลักๆเหล่านี้ให้ครบก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4-5 วันแล้ว
โอซาก้า – แม้ว่าโอซาก้าจะเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่น (อันดับสองคือโยโกฮาม่าที่ติดกับมหานครโตเกียว) แต่ในแง่ของการท่องเที่ยวนั้น ถือว่ามีย่านเด่นๆน้อยกว่าโตเกียวอยู่บ้าง โดยมีย่านท่องเที่ยวที่ดังสุดๆอยู่ไม่กี่แห่ง เช่นย่านอุเมดะ นัมบะ ชินไซบาชิ ส่วนย่านที่รองลงไปอย่างเช่นเทนโนจิ นิปปอนบาชิ หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ ส่วนแลนด์มาร์คสำคัญคือปราสาทโอซาก้า ป้ายกูลิโกะที่โดทงบุริ และสวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ถ้าเที่ยวเฉพาะที่หลักที่กล่าวมา คาดว่าน่าจะใช้เวลา 2-3 วัน น้อยกว่าโตเกียวพอควร
ที่เที่ยวรอบเมือง
โตเกียว – ภูเขาไฟฟูจิถือเป็นจุดหมายหลักอันดับหนึ่งในบริเวณรอบๆ โตเกียว ซึ่งสองจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปชมภูเขาไฟฟูจิกันมากที่สุดคือทะเลสาบคาวากูจิโกะ และฮาโกเน่ และสำหรับใครที่อยากสัมผัสกับธรรมชาติและวัดวาอารามที่เก่าแก่เป็นมรดกโลก ก็สามารถแวะไปที่เมืองคามาคุระหรือนิกโก้ และอีกเมืองที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือโยโกฮาม่า เมืองใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น (ที่จริงๆแล้วใหญ่กว่าโอซาก้า) ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบไม่แพ้โตเกียวเลย
โอซาก้า – ตามที่อธิบายไปว่าโอซาก้านั้นมีที่เที่ยวในเมืองไม่มาก และใช้เวลาเพียงเที่ยวจนครบน้อยกว่าโตเกียว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมักแวะเที่ยวเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคคันไซไปด้วย โดยสองเมืองสุดฮิตติดกับโอซาก้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือเกียวโต เมืองที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น และมีวัฒนธรรมดั้งเดิมให้สัมผัสอย่างเต็มอิ่ม ส่วนอีกเมืองก็คือนารา ซึ่งมีเหล่าฝูงกวางน่ารักคอยต้อนรับและสามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดภายในเมือง โดยทั้งสองเมืองนี้ใช้เวลาเดินทางจากโอซาก้าเพียงประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ทำให้สามารถเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้อย่างไม่ลำบากอะไร
บรรยากาศโดยทั่วไป
โตเกียว – เรียกว่าเป็นเมืองที่ครบครันในทุกด้าน แม้จะเป็นเมืองใหญ่แต่ก็มีจุดชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีมากมายทั่วทั้งเมือง และสำหรับใครที่เดินทางไปในช่วงฤดูหนาวก็ยังมีโอกาสได้พบกับหิมะภายในเมืองบ้าง และยังสามารถเดินทางไปยังลานสกีในจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างสะดวกสบาย ยิ่งสำหรับใครที่พก JR Pass มาและตั้งใจจะเดินทางไปทั่วญี่ปุ่น โตเกียวก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะเป็นศูนย์รวมของรถไฟชินคันเซนแทบทุกสาย และด้วยตำแหน่งของเมืองที่ตั้งอยู่ตรงกลางประเทศ จึงสะดวกและประหยัดเวลาไม่ว่าจะเดินทางขึ้นเหนือหรือล่องใต้ก็ตาม
โอซาก้า – หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่าผู้คนที่โอซาก้านั้นจะมีธรรมเนียมบางอย่างในชีวิตประจำวันที่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่น เช่นการยืนบนบันไดเลื่อนที่คนโตเกียวจะชิดซ้าย แต่คนโอซาก้าจะชิดขวา และหากมองแบบกว้างๆ คนโอซาก้าจะมีนิสัยเฮฮาและสนุกสนานกว่าคนญี่ปุ่นในเมืองอื่นๆ ทำให้บรรยากาศภายในเมืองค่อนข้างผ่อนคลายกว่า การเดินทางนั้นก็สะดวกไม่แพ้โตเกียว เพราะเป็นเมืองที่มีสายรถไฟและจำนวนสถานีต่อพื้นที่สูง รองจากโตเกียว และมีสถานีใหญ่ที่เป็นที่จอดชินคันเซนเหมือนกัน
ในด้านของฤดูกาล โอซาก้าอาจมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในเมืองค่อนข้างน้อย แต่ก็ทดแทนด้วยการแวะไปชมที่เกียวโตได้อย่างเต็มอิ่ม ภายในเมืองมีจุดชมซากุระค่อนข้างเยอะและหลากหลาย แต่ในฤดูหนาวนั้นจะไม่มีหิมะตก (มีที่เกียวโตบ้าง แต่ก็ต้องใช้ดวงอยู่ดี)
ทั้งนี้หากเป้าหมายหลักคือหิมะ ทั้งโตเกียวและโอซาก้าไม่ควรเป็นตัวเลือกอันดับแรก
การเดินทางและพาสต่างๆ
โตเกียว – มีสายรถไฟหลักคือ Yamanote ที่วิ่งเป็นวงกลมรอบโตเกียว ผ่านย่านท่องเที่ยวชื่อดังอย่างชินจูกุ ชิบูย่า อูเอโนะ ฮาราจูกุ และอากิฮาบาระ และยังมีรถไฟใต้ดินอีก 13 สายครอบคลุมจุดต่างๆ ทั่วทั้งเมือง
พาสหลักในการท่องเที่ยวคือ Tokyo Free Kippu 1 Day Pass ราคา 1,580 เยน ที่สามารถใช้ขึ้นรถไฟ JR ในเขตโตเกียว รถไฟใต้ดิน 13 สาย รวมถึงรถบัสและรถรางได้ไม่จำกัดในหนึ่งวัน นอกจากนี้ก็มีพาสรถไฟใต้ดินอย่างเดียวแบบ 1 วัน 800 เยน 2 วัน 1,200 เยน และ 3 วัน 1,500 เยน และก็พาสสุดฮิต Tokyo Wide Pass สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวเมืองรอบๆ โตเกียว เช่นภูเขาไฟฟูจิ นิกโก้ ลานสกีกาล่า ยูซาว่า หรือเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคคันโตได้ไม่จำกัดใน 3 วัน ราคา 10,000 เยน
โอซาก้า – เช่นเดียวกับโตเกียว โอซาก้าเองก็มีสายรถไฟที่วิ่งเป็นวงกลมรอบเมืองคือ Osaka Loop Line และรถไฟใต้ดินอีก 8 สายที่ครอบคลุมพื้นที่ภายในเมือง
พาสยอดนิยมในการเดินทางของนักท่องเที่ยวคือ Kansai Thru Pass แบบ 2 วันราคา 4,000 เยน และ 3 วัน 5,200 เยน ใช้ขึ้นรถบัส รถไฟใต้ดิน และรถไฟที่ไม่ใช่ของ JR ได้ทั่วเขตคันไซ ไม่ใช่แค่โอซาก้า และยังมีส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย
ส่วนพาสสำหรับเที่ยวในโอซาก้าแบบเน้นๆ คือ Osaka Amazing Pass แบบ 1 วันราคา 2,500 เยน และ 2 วัน 3,300 เยน ใช้ขึ้นรถบัส รถไฟใต้ดิน และรถไฟที่ไม่ใช่ JR ในโอซาก้าได้ไม่จำกัด และที่พิเศษคือใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งโดยไม่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่มอีก ไม่ว่าจะเป็นปราสาทโอซาก้า หอคอยซึเทนคาคุ อาคารชมวิวอุเมดะสกาย และอีกมากมาย
อุปสรรคในการเที่ยวทั้งสองเมืองพร้อมกัน
ค่าใช้จ่ายการเดินทาง - แม้หลายคนอาจคิดว่าการเดินทางในญี่ปุ่นนั้นสะดวกสบาย แต่ในความจริงนั้นค่ารถไฟชินคันเซนระหว่างทั้งสองเมืองมีราคาเที่ยวละ 13,620 เยน หรือตีกลมๆ เป็นเงินไทยเท่ากับ 4,000 บาท ถ้านั่งไปกลับก็เท่ากับ 8,000 บาท แม้ว่าจะมีทางออกคือการซื้อ JR Pass แบบ 7 วันที่มีราคาใกล้เคียงกัน (29,110 เยน หรือประมาณ 8,400 บาท) แต่บางครั้งจำนวนเงินขนาดนี้ก็ทำให้หลายคนต้องคิดหนัก และถ้าพิจารณาดูดีๆ แล้ว ราคานี้ก็สามารถเอาไปซื้อตั๋วบินมาเที่ยวญี่ปุ่นได้อีกรอบนึงเลย
ตัวเลือกรองลงมาคือสายการบินโลคอสต์ภายในประเทศ ซึ่งหากได้จังหวะดีๆ ก็อาจจะมีโปรโมชั่นเที่ยวละหลักร้อยบาทให้เห็น แต่ช่วงปกติไปจนถึงหน้าไฮซีซั่น (เช่นช่วงซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสี) บางครั้งก็มีราคาเท่าๆ กับรถไฟชินคันเซน และแม้ว่าจะได้ตั๋วโปรโมชั่นราคาถูก ก็ต้องอย่าลืมว่าการเดินทางทั้งไปและกลับจากสนามบินทั้งสองเมืองนั้นใช้เวลาค่อนข้างนานและมีราคาค่อนข้างสูงเช่นกัน
แต่ถ้าตัดสินใจแล้วว่าอยากเที่ยวพร้อมกันสองเมืองจริงๆ ก็มีตัวเลือกที่ประหยัดที่สุดคือการขึ้นรถบัสกลางคืน ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณพันกว่าบาท และยังสามารถประหยัดค่าโรงแรมไปได้ในตัว แต่อาจต้องแลกกับการหลับไม่เต็มอิ่มสักเล็กน้อย
ระยะเวลาในการท่องเที่ยว - ไม่ว่าจะเป็นแผนเที่ยวของบริษัททัวร์หรือของคนทั่วไป ระยะเวลาเฉลี่ยของการท่องเที่ยวในแต่ละเมืองจะอยู่ที่ประมาณ 4 วัน รูปแบบยอดฮิตสำหรับการเที่ยวโอซาก้าคืออยู่โอซาก้า 2 วัน เกียวโต 1 วัน และนารา 1 วัน ส่วนรูปแบบของการเที่ยวโตเกียวมีทั้งอยู่ในโตเกียว 4 วันรวด หรืออยู่โตเกียว 3 วัน ไปดูภูเขาไฟฟูจิหรือเมืองอื่นๆ อีก 1 วัน เป็นต้น
ที่ว่ามานี้เป็นระยะเวลาพื้นฐานที่สามารถใช้เที่ยวสถานที่สำคัญๆ ได้แบบครบครัน และไม่รีบเร่งจนเกินไป ดังนั้นหากใครที่มีเวลาเที่ยวน้อยกว่า 6-7 วัน จึงยากที่จะเที่ยวทั้งโอซาก้าและโตเกียวพร้อมกันได้ โดยอาจจะต้องตัดสถานที่บางแห่งออกไปหรืออาจต้องรีบเร่งกว่าปกติ
สรุป
ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ เรามีเช็คลิสท์สั้นๆ ที่อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ขอแนะนำให้ไปโอซาก้า ถ้า...
- คุณอยากช้อปปิ้ง เช่นที่ย่านชินไซบาชิและโดทงโบริ (ที่ตั้งของป้ายไฟกูลิโกะ)
- คุณเป็นแฟนแฮรี่ พอตเตอร์ หรือหนังเรื่องอื่นๆ ที่มีเครื่องเล่นอยู่ในยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ
- คุณอยากลองใส่ชุดกิโมโนถ่ายรูปกับวัดและเมืองสวยๆ (เกียวโต)
- คุณอยากสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม หรือชมเมืองเก่า (เกียวโต)
ขอแนะนำให้คุณไปโตเกียว ถ้า...
- คุณเป็นสายชอบเที่ยวในเมือง ชอบใช้เวลานานๆสำรวจเมือง เดินย่านหลากหลายรูปแบบ
- คุณอยากไปที่สัญลักษณ์ของญี่ปุ่น อย่างภูเขาฟูจิ นิกโก้ หรือโตเกียวทาวเวอร์
- คุณเป็นแฟนอนิเมะหรือสตูดิโอจิบลิ (ย่านอากิฮาบาระและพิพิธภัณฑ์จิบลิ)
- คุณเป็นแฟนการ์ตูนดิสนีย์ (โตเกียวดิสนีย์แลนด์ และดิสนีย์ซี)
และสุดท้าย เมื่อดูจากความสะดวกสบายในการบินไปเที่ยวญี่ปุ่นในปัจจุบัน ที่มีทั้งสายการบินให้เลือกหลากหลาย มีเส้นทางบินหลักไปลงทั้งสองเมือง แถมยังมีตั๋วโปรโมชั่นราคาถูกออกมาทั้งปี การกลับมาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่สอง สาม หรือมากกว่านั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมนัก จึงอยากแนะนำให้ใช้เวลาเที่ยวในแต่ละเมืองให้เต็มที่ มากกว่าการรีบเก็บทุกเมืองให้ครบในครั้งเดียว เพราะเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่นนั้นมีเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งรอให้ทุกคนใช้เวลาไปค้นหาและสัมผัสด้วยตัวเองอยู่มากมาย