EMMA การกลับมาของสาวจอมจับคู่

EMMA การกลับมาของสาวจอมจับคู่

EMMA การกลับมาของสาวจอมจับคู่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากนวนิยายเรื่องดังของ “เจน ออสเตน” กับการกลับมาขึ้นจอใหญ่ (อีกครั้ง) ที่บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวอย่างเอ็มม่า วู้ดเฮ้าส์ ผู้ร่ำรวย ฉลาด และสุดเท่ คือ “ราชินีผึ้ง” ที่ไร้คู่แข่ง เธออาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่แสนเงียบเหงาในอังกฤษ ในเรื่องราวเสียดสีเรื่องชนชั้นทางสังคมเรื่องนี้ เอ็มม่าต้องสำรวจเส้นทางชีวิตของเธอผ่านความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติบโต การจับคู่แบบผิดๆ และความผิดพลาดสุดโรแมนติกเพื่อจะมารู้ตัวว่าแท้จริงแล้ว ความรักก็อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดเส้นทาง

 

ทำความรู้จักกับเอ็มม่า

เอ็มม่า วู้ดเฮ้าส์ (อันยา เทย์เลอร์-จอย) สาววัย 21 ปีที่สุดเท่ ฉลาด และร่ำรวย คือ “ราชินีผึ้ง” ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านอันเงียบสงบของอังกฤษอย่าง ไฮบิวรี่ ซึ่งแทบไม่มีอะไรที่ทำให้เธอเศร้าหรือเป็นกังวลได้ ด้วยอุปนิสัยของเอ็มม่า ที่เพิ่งจะค้นพบความรู้สึกตื่นเต้นจากการจับคู่ให้กับคนอื่น เธอประสบความสำเร็จกับการจัดงานแต่งงานให้กับพี่เลี้ยงของเธอกับพ่อม่ายใจดี มิสเตอร์เวสตัน

เอ็มม่าเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของตัวเองจนกระทั่งเธอรู้ตัวว่าเธอได้สูญเสียบุคคลที่เป็นเสมือนตัวแทนแม่ของเธอ และยังเป็นมิตรที่ดีในบ้านไป เมื่อถูกทิ้งให้ต้องอยู่เพียงลำพังกับ มิสเตอร์วู้ดเฮ้าส์ (บิลล์ ไนฮีย์) พ่อที่แสนอ่อนแอของเธอ เธอจึงหันเหความสนใจไปหาเพื่อนคนใหม่อย่าง มิสแฮร์เรียต สมิธ (มีอา ก็อธ) หญิงสาวแสนซื่อ งานอดิเรกของเธอเกิดไปสะดุดความสนใจของ มิสเตอร์ ไนต์ลี่ย์ (จอห์นนี่ ฟลินน์) ผู้เคร่งครัดกับความถูกต้องไปเสียทุกอย่าง เขาคือสุภาพบุรุษที่ร่ำรวย ซึ่งพี่ชายของเขาแต่งงานกับพี่สาวของเอ็มม่า ไนต์ลี่ย์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนบ้านและเป็นญาติของเอ็มม่า จึงมักจะถูกพบเจอว่าอยู่กับเอ็มม่าและพ่อของเธออยู่บ่อยๆ

เมื่อ เอ็มม่าต้องคอยดูแล แฮร์เรียต ในไม่ช้า เธอก็ตัดสินใจว่า มิสเตอร์เอลตัน (จอช โอคอนเนอร์) มีความเหมาะสมกับแฮร์เรียต ถึงแม้ว่า แฮร์เรียต จะมีใจให้ชาวไร่ที่น่านับถืออย่าง โรเบิร์ต มาร์ติน เพราะเชื่อมั่นว่าแฮร์เรียตเหมาะสมกับเอลตันมากกว่า เอ็มม่าจึงแนะนำให้เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานของมาร์ติน และหันไปสนใจเอลตันแทน อย่างไรก็ดี สิ่งที่เอ็มม่าไม่รู้ก็คือ แท้จริงแล้ว สาธุคุณเอลตันแอบชอบเอ็มม่ามากกว่า ขณะเดียวกัน เอ็มม่าก็เกิดปิ๊งส์ แฟรงก์ เชอร์ชิลล์ (คอลลั่ม เทอร์เนอร์) ลูกชายสุดหล่อของ มิสเตอร์เวสตัน ขณะที่คนอื่นๆ รอบข้างต่างสงสัยว่า ไนต์ลี่ย์ น่าจะชอบ เจน แฟร์แฟ็กซ์ (แอมเบอร์ แอนเดอร์สัน) หลานสาวของสาวแก่ช่างจ้ออย่าง มิสเบ็ทส์ (มิแรนด้า ฮาร์ต)

ขณะที่ว่าที่คู่รักต้องวุ่นวายปั่นป่วน บทสรุปแบบผิดๆ นำไปสู่ความผิดพลาดอันน่าขัน และความผิดพลาดทางสังคม โดยมี เอ็มม่า เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด เมื่อเข้าใจในข้อบกพร่องและความเข้าใจผิดของเธอเอง เอ็มม่า จึงสามารถเดินไปบนเส้นทางวกวนที่พาเธอไปสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และได้พบกับคู่ชีวิตที่เหมาะสมกับเธอ ซึ่งรออยู่ตรงหน้าเธอมาตลอด

 

 

นิยายของเจน ออสเตนกับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อีกครั้ง

เจน ออสเตนคือนักเขียนคนดังที่มีงานเขียนมากมายในช่วงปี 1815 ซึ่ง EMMA เป็นผลงานเล่มที่ 4 ของเธอ ซึ่ง EMMA เป็นหนังสือเล่มสุดท้าย ได้รับการเผยแพร่ในระหว่างที่เธอมีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลาที่หนังสือเรื่องนี้ถูกพิมพ์เผยแพร่ ออสตินได้เขียนเรื่อง Sense and Sensibility, Pride and Prejudice และ Mansfield Park ไว้แล้ว แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ยกย่องให้ EMMA เป็นผลงานมาสเตอร์พีซของออสเตน โดยมีตัวละครหลักเป็นหญิงสาวที่มีความตั้งใจดี แต่ก็มีข้อบกพร่อง เป็นหญิงสาวที่มีความหยิ่งยโส ถูกตามใจ และอาจมองไม่เห็นถึงความผิดพลาดของตัวเอง เธอเป็นนางเอกสาวที่มีความซับซ้อน ผู้เติบโตขึ้นตลอดเรื่องราวนี้ จนกลายเป็นผู้หญิงที่รู้จักตัวเองมากขึ้น และเอาตัวเองเป็นที่ตั้งน้อยลง สำหรับเอ็มม่า ความนอบน้อม ความเป็นผู้ใหญ่ และความสุข เป็นสิ่งที่ควรได้รับ

สาเหตุที่ EMMA เป็นนิยายที่ถูกยกย่องว่าเป็นผลงานคลาสสิก สืบเนื่องมาจากการพาคนอ่าน (และคนดู) ไปสำรวจขนมธรรมเนียมทางสังคมของอังกฤษในยุคสมัยนั้น อีกทั้งแทรกอารมณ์ขัน มุกตลก ซึ่งปรากฏอยู่ในตัวละครที่อยู่ในหมู่บ้านไฮบิวรี่ โดยที่รายละเอียดที่อยู่ในผลงานนั้นสามารถดึงให้คนอ่านสามารถหวนย้อนกลับไปอ่านได้ครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้ง EMMA ยังเป็นเรื่องราวความรักและเสียดสี รวมถึงเป็นการพรรณภาพชีวิตของผู้คนอังกฤษในทศวรรษ 1811 -1820 อีกด้วย

อันที่จริง EMMA เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์สุดเก๋ในปี 1995 เรื่อง Clueless ที่เป็นการนำเอาเรื่องราวของเอ็มม่ามาอัพเดทให้เป็นเรื่องยุคสมัยใหม่ ขณะที่ภาพยนตร์ปี 1996 เรื่อง EMMA (นำแสดงโดยกวินเนต พัลโทรล) เลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวตรงตามต้นฉบับมากกว่า ส่วนในปี 2009 ได้รับการดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นทีวีมินิซีรีส์

ความน่าสนใจของคาแรกเตอร์ตัวละครเอ็มม่า คือในช่วงต้นเรื่องเธอจะเป็นเด็กในช่วงต้นเรื่อง ที่ก่อความวุ่นวาย แม้ว่าเธอจะมั่นใจว่าเธอรู้จักตัวเองดีแค่ไหน แต่มันก็ยังไม่พอเมื่อเธอมีโอกาสได้เรียนรู้ตัวเองเพิ่มมากขึ้นจากประสบการณ์และความรัก ทำให้เธอได้เติมเต็มช่องว่างในตัวเองและเติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

สำหรับผู้กำกับที่ก้าวเข้ามาดูแลเรื่องราวในเวอร์ชั่นนี้ก็คือ ออทั่ม เดอ ไวลด์ ซึ่งเป็นผลงานการกำกับขนาดยาวเรื่องแรกของเธอด้วย ซึ่งผลงานก่อนหน้านี้เธอจับงานด้านโฆษณามาเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดังอาทิ Prada, Uniqlo, Google และ Orangina และยังงานมิวสิควิดีโอ ที่เธอทำให้กับศิลปินอย่าง Florence + The Machine, The Decemberists, The Raconteurs and Starcrawler เป็นต้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook