รีวิว Vivarium กาเหว่าฝากเขาเลี้ยงลูก
Vivarium คือหนังพล็อตเรื่องแสนจะน่าสนใจว่าด้วยคู่รักที่บังเอิญเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านที่ชื่อว่า “ยอนเดอร์” แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ได้ แม้จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม แล้วจริงๆพวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรกันแน่
รีวิวชิ้นนี้มีการเปิดเผยความลับของเรื่องราวเพื่อการตีความ
ตัวหนังเปิดเรื่องมาด้วยการนำเสนอภาพของ “นกกาเหว่า” ซึ่งการนำเสนอภาพดังกล่าวนั้น สามารถใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในหนังเรื่อง Vivarium ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากถ้าเราวิเคราะห์ธรรมชาติของนกกาเหว่าแล้ว สัตว์ปีกชนิดนี้ถือเป็นนกปรสิตที่มักจะออกไข่แล้วฝากนกตัวอื่นมาเลี้ยง โดยเฉพาะอีกาที่ลักษณะคล้ายคลึงกันทำให้แม่กาแยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นอีกา หรือ นกกาเหว่า และด้วยอุปนิสัยนี้จึงทำให้นกกาเหว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ต่ำ
เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องเมื่อคู่รักหนุ่มสาว ทอม (เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก) และ เจมม่า (อิโมเจน พูตส์) ติดแหงกอยู่ในหมู่บ้านยอนเดอร์และจำเป็นต้องเลี้ยงดูเด็กชายลึกลับที่เติบโตรวดเร็วผิดปกติ (ภายในเวลา 3 เดือนเขาเติบโตจากทารกกลายเป็นเด็กชายวัย 10 ขวบ) ซึ่งพฤติกรรมของเขาก็จัดได้ว่าพิลึกพิลั่น ไม่ว่าจะเป็นการตื่นเช้ามาแล้วแหกปากเสียงดังเพื่อปลุกทอมและเจมม่าให้ตื่นขึ้นมาราวกับเป็นนาฬิกาปลุก
สภาวะพ่อแม่จำเป็นทำให้ทั้งสองมีวิธีการรับมือเด็กประหลาดแตกต่างกันออกไป เมื่อพิจารณาจากอาชีพของเจมม่าที่เป็นครูโรงเรียนประถม เธอจึงมีความพยายามที่จะทำความเข้าใจเด็กคนนี้มากกว่าทอมที่มีอาชีพเป็นชาวสวน เขาจึงไม่เน้นการพูดจาสื่อสารแต่ก้มหน้าก้มตาขุดสวนหน้าบ้านโดยไม่มีจุดหมายอะไรเป็นพิเศษ หรือบางทีทอมอาจจะมองว่าในเมื่อหาทางออกไม่ได้ การขุดพื้นลงไปเรื่อยๆอาจจะเจอบางสิ่งบางอย่างก็เป็นได้
สำหรับชื่อหนังอย่าง Vivarium ที่เป็นภาษาละตินนั้นมีความหมายว่า “ตู้จำลองธรรมชาติ” ซึ่งพื้นฐานแล้วคือตู้กระจกขนาดเล็ก หรือ สถานที่จัดจำลองสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติให้สิ่งมีชีวิตบางอย่างสามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้นั่นเอง จึงอาจจะกล่าวได้ว่าหมู่บ้านยอนเดอร์และบ้านเลขที่ 9 ที่ตัวเอกโดนจับมาอยู่ขังไว้ ถูกป้อนข้าวป้อนน้ำ มีเด็กมาให้เลี้ยงดูจึงเป็นสภาวะจำลองโลกมนุษย์นั่นเอง
น่าเสียดายตรง Vivarium เป็นหนังที่มีคอนเซ็ปและสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในเรื่องราวที่ชวนค้นหาคำตอบ แต่ตัวผู้กำกับลอร์แคน ฟินเนแกนยังไม่สามารถเล่าเรื่องให้สนุกตื่นเต้น หรือมีจุดพลิกผันของเรื่องราวให้คนดูว้าวกว่านี้ ในช่วงกลางของหนังค่อนข้างเนิบช้าและชวนง่วงอยู่ไม่น้อย เราอาจจะกล่าวได้ว่า นี่คือหนังที่ไอเดียดีแต่วิธีการเล่ายังไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานความบันเทิง