[รีวิวซีรีส์] JU-ON Origins เหวอหวาดระแวง ส่วนซีจีผี (บางฉาก) ยังเอาฮาเช่นเดิม

[รีวิวซีรีส์] JU-ON Origins เหวอหวาดระแวง ส่วนซีจีผี (บางฉาก) ยังเอาฮาเช่นเดิม

[รีวิวซีรีส์] JU-ON Origins เหวอหวาดระแวง ส่วนซีจีผี (บางฉาก) ยังเอาฮาเช่นเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Netflix ส่งออริจินัลซีรีส์ฝั่งเอเชียที่ฝรั่งก็รู้จักดีอย่าง JU-ON หรือ The Grudge มาหลอกหลอนชาวเน็ตฟลิกซ์ถึงบ้าน ด้วยจำนวนตอนเพียง 6 ตอน และความยาวแต่ละตอนก็เพียง 20-30 นาที ก็เรียกได้ว่าไม่ฝืนความอดทนคนดูที่ไม่ชอบอะไรยืดเยื้อเกินไป แถมด้วยความยาวที่ลงตัวนี้ก็ทำให้งานโพรดักชันละเมียดสวยจับตาด้วยแสง-ความมืด และการออกแบบสีในฉากที่ทำให้หนังผีเรื่องนี้ดูคลาสสูงขึ้นทันที

ตัวซีรีส์เล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา และมีตัวละครหลากหลายกลุ่มที่เข้ามาวนเวียนเข้า ๆ ออก ๆ บ้านเฮี้ยนอยู่ทำให้คนดูต้องแอบมีสมาธิกับตัวละครและเวลาในเรื่องพอสมควร แต่กระนั้นพอกลาง ๆ ซีซันหลังจากที่ตัวละครแต่ละหนแห่งเริ่มมาเจอมาแตะไทม์ไลน์ร่วมกัน ไทม์ไลน์ในเรื่องก็ค่อย ๆ คลายให้เรากระจ่างขึ้น จริง ๆ ก็ถือว่าดูไม่ยากแต่ต้องมีสมาธิสักหน่อย

เนื้อเรื่องอ้างอิงว่านี่เป็นฉบับ Origins หรือจุดกำเนิด โดยมีตัวละครหลัก ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้แก่ ดาราสาวหน้าใหม่ที่แฟนหนุ่มถูกผีร้ายติดตามหลังเขาไปดูบ้านหลังนี้เพื่อทำเรือนหอ, นักเขียนเรื่องเล่าสยองขวัญที่พยายามเสาะหาบ้านหลังนี้ด้วยแรงขับบางอย่างที่เขาก็นึกไม่ออก, เด็กสาววัยรุ่นที่ถูกข่มขืนในบ้านหลังนี้จนตั้งท้องและชีวิตพังทลาย, เหล่าผู้อยู่อาศัยบ้านหลังนี้ในปัจจุบันที่บ้างก็รู้ประวัติแต่ไม่สนใจ และบ้างก็ไม่รู้อะไรเลย โดยที่ว่ามาทั้งหมดก็ล้วนถูกครอบงำด้วยวิญญาณหญิงสาวที่อุ้มทารก และพยายามสื่อสารบางอย่างกับคนที่เข้ามาในบ้าน

ทั้งนี้ตัวซีรีส์พยายามขายความเป็นจุดกำเนิดของคำสาปในบ้านหลังนี้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ถูกนำเสนอแบบเอาเรื่องนี้เป็นหัวใจหลักของเรื่องเสียทีเดียว เพราะหลักใหญ่ก็ยังเป็นธีมเรื่องความคลั่งแค้นของเหล่ามนุษย์ที่กระทำต่อกัน จนเมื่อตายก็ยังไม่อาจให้อภัย ซึ่งนอกจากถ่ายทอดผ่านโศกนาฏกรรมชวนรันทดใจของแต่ละตัวละครแล้ว ส่วนที่แซมแทรกอยู่ทั้งเรื่องแต่เสริมความเข้มให้การนำเสนอก็คือบรรดาข่าวอาชญากรรมร้ายแรงที่ล้วนเกิดขึ้นจริงในญี่ปุ่น และอาจเป็นความหมายของคำว่า Origins ที่แท้จริง คือเรื่องจริงอันโหดร้ายได้กลายมาเป็นเชื้อเพลิงให้เรื่องสยองขวัญประโลมโลกเหล่านี้

บ้านต้องสาป ตัวเอกของเรื่อง

อย่างที่ว่าเรื่องจริงยิ่งกว่าหนังยิ่งกว่าละครเลยทีเดียว ทั้งคดีดังอย่าง โอมชินริเกียว ที่สังหารหมู่ผู้โดยสารรถไฟใต้ดินด้วยก๊าซพิษ หรือคดีสุดสะเทือนขวัญอย่าง จุนโกะ ฟุรุตะ ที่ถูกเพื่อนร่วมชั้นกักขังและทรมาณนานหลายวันจนตายอย่างโหดเหี้ยม ที่ก็คิดไปได้ทั้งว่าผู้สร้างอยากโยงว่าคดีเหล่านี้มีวิญญาณร้ายในร่างคนอยู่เบื้องหลัง หรืออาจสะท้อนว่าสิ่งที่ผีทำนั้นรุนแรงและโหดร้ายน้อยกว่าที่คนทำกับคนจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ

ส่วนที่ต้องชื่นชมมาก ๆ คือโพรดักชันดีไซน์ต่าง ๆ ที่ออกแบบแสงสี-ความมืด ได้สวยในทุก ๆ ฉาก ได้รู้สึกเหมือนงานศิลป์ถูกผนวกเข้ากับเนื้อหาอย่างผีได้ลงตัวอย่างที่เราคาดหวังในความลึกซึ้งแบบญี่ปุ่นได้เลย นอกจากนี้กลวิธีหลอกหลอนก็ยังทำได้ขยี้จินตนาการมาก ๆ เพราะใช้ความคลุมเครือและพร่าเลือน ใช้หน้าชัดหลังเบลอบ้าง ราง ๆ ผ่านหน้าต่างสีขุ่นบ้าง เงาที่วูบผ่านไปหรือเพียงด้านหลังของคนที่เดินผ่านไป ราวจำลองการเห็นบางอย่างด้วยหางตาของมนุษย์เราที่ชวนขวัญผวาอยู่เสมอ

พิธีเชิญวิญญาณ

นอกจากใช้องค์ประกอบที่ไม่ชัดเจน ซีรีส์ยังผูกปริศนาซ่อนกลเวลาและมิติการเล่าไว้ให้มึนเล่น ๆ ล้อไปกับการหลอกให้สมองที่มีการรับรู้เป็นบรรทัดฐานปกติต้องงงงวยสับสน และรู้สึกไม่สบายใจกับความไม่เข้าใจเรื่องตรงหน้าได้อย่างดี และที่บ้าคลั่งสุด ๆ คงเป็นการนำเสนอความรุนแรงแบบต้องอุทานสาปแช่งภาพเบื้องหน้าแบบไม่อายปาก เพราะไม่ได้คาดคิดเตรียมจิตใจมาเจอความโหดร้ายบ้าบอขนาดนี้มาก่อนเลย ใครจะดูก็ขอเตือนแล้วกันว่าความรุนแรงทางภาพนี้เล่นเอาเหวอไปเลย

แต่กระนั้นส่วนที่ยังต้องขมวดคิ้วและใส่ (?) ไว้ใหญ่ ๆ คือ ซีจีผีแบบประหลาด ๆ อย่างผีตัวดำตาขาวที่เห็นในตัวอย่าง หรือฉากศพที่ตาค้างปากค้างนี่มันออกไปทางตลกมากกว่าชวนเสียขวัญ ก็ยังคงเป็นสไตล์เฉพาะตัวของหนังจูออน ที่รู้สึกไม่ชินเอาเสียทุกครั้งที่ดู

สรุป นี่เป็นซีรีส์ ผีดุ ที่เอารากคิดเรื่องบ้านต้องสาปกับแรงแค้นเกินความตายของหนังดั้งเดิมมาเล่าใหม่ทำใหม่ ใส่มิติเรื่องจริงที่อบอวลในสังคมญี่ปุ่นมาเขย่าขวัญให้ผู้ชมหายใจหายคอไม่ดี มวนท้องกับภาพความรุนแรงที่มาน้อยแต่มาทีก็รู้เลยว่าทำไมถึงไม่เอาลงฉายทีวีสาธารณะ เพราะคงโดนเซ็นเซอร์กระจายแน่นอน และการมาลงเน็ตฟลิกซ์ก็สาแก่ใจผู้ชมสายฮาร์ดดีแท้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook