[รีวิว] Cautious Hero ผู้กล้าสายฟาร์มเวล ไม่ได้มีดีแค่ตลกนะเออ
เน็ตฟลิกซ์ยังคงตามล่าแอนิเมะญี่ปุ่นที่น่าสนใจมาให้ผู้ชมดูอย่างต่อเนื่อง และสำหรับ Cautious Hero: The Hero Is Overpowered but Overly Cautious (Kono Yūsha ga Ore Tsuē Kuse ni Shinchō Sugiru ) ก็เป็นแอนิเมะอีกเรื่องที่แม้จะเป็นแนวเกิดใหม่ในต่างโลกตามสมัยนิยม แต่ก็มีแนวทางที่ฉีกไปได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
เดิมแอนิเมะนี้เป็นไลต์โนเวลของนักเขียนนามปากกา ไลต์ สึจิฮิ ลงให้อ่านทางออนไลน์ตั้งแต่ปี 2016 และได้ตีพิมพ์เป็นเล่มในปี 2017 ถูกดัดแปลงเป็นมังงะในปี 2018 และกลายเป็นแอนิเมชันในปี 2019 เรียกว่าสร้างความนิยมมาได้แบบต่อเนื่องเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งก็คงด้วยพลอตของการเกิดใหม่ต่างโลกที่แตกต่างและโดนใจคนเคยเล่นเกม RPG มาพอประมาณเลยทีเดียว
เรื่องราวเริ่มจากเอกภพของทวยเทพจะมีภารกิจให้เทพธิดาและเทพเทวาแต่ละคนต้องทำอยู่ นั่นคือการคัดเลือกผู้กล้าจากต่างโลกมาช่วยโลกอีกมิติหนึ่งที่มีจอมมารคุกคามอยู่ เป็นเหมือนการสะสมแต้มเพื่อเลื่อนขั้นเทวดา และคราวนี้การสุ่มภารกิจก็เป็นความยากระดับพิเศษหรือคือโลกที่จอมมารเก่งเว่อมากถึงระดับ S ทีเดียว ตัวเอกของเราคือเทพธิดาที่ได้รับการสุ่มเลือกมารับภารกิจคือ เทพธิดาแห่งการรักษาริสต้า ที่ประสบการณ์น้อยมากเพราะเคยช่วยโลกไว้แค่ 5 ครั้งเท่านั้น แถมเจ้าตัวเป็นเพทด้านการรักษาเรียกว่าเป็นพลังสนับสนุนอย่างเดียว จะช่วยผู้กล้าสู้ตรง ๆ ลำบากมาก จึงเป็นภาระยากสุด ๆ
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีเรื่องดีคือจากตัวเลือกผู้กล้าที่เธอมี มีคนหนึ่งที่ค่าพลังต่าง ๆ สูงเว่อเกินปกติมาก ด้วยนิสัยใจร้อนบวกรั่วของเธอจึงรีบเชิญมาทันทีด้วยความดีใจ แต่ในความโชคดีก็ยังมีเรื่องร้ายอีก เพราะ ริวกูอิน เซยะ ผู้กล้าคนที่ว่าด้านมีนิสัยประหลาดส่วนตัวคือ ขี้ระแวงขั้นสุดจนเข้าขั้นโรคจิตเลยทีเดียว ในขณะที่ผู้กล้าคนอื่น (หรือแม้แต่คนที่เล่นเกม RPG มา) จะรีบลุยไปหมู่บ้านที่เกิดและเก็บประสบการณ์จากการฆ่ามอนสเตอร์อ่อน ๆ จำพวกสไลม์ที่เอาไม้ตีก็ตาย สะสมเงินไปซื้อชุดและอาวุธที่ดีกว่าเดิม
แต่เซยะกลับระแวงสุด ๆ และขอฝึกกล้ามเนื้อด้วยการวิดพื้นในวิหารเทพของริสต้าจนเลเวลขึ้นจาก 1 ไปถึงสิบกว่าเลยทีเดียว ถึงจะยอมออกเดินทาง โดยเจ้าตัวยึดมั่นมากกว่า จะไม่ทำอะไรจนกว่าจะรู้สึกพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์จริง ๆ
ด้วยนิสัยขั้วตรงข้ามของริสต้าและเซยะเลยบังเกิดความฮาตลอดเรื่องเลยทีเดียว เช่นว่า ริสต้าออกทุนให้ซื้อชุดเกราะเพื่อจะได้ข้ามขั้นไว้ชดเชยที่เซยะเสียเวลาไปกับการฝึกกล้ามเนื้อ แต่เซยะก็กวาดเกราะแบบเดิมไปหลายชุดด้วยเหตุผลว่า เผื่อชุดหลักเสีย หรืออย่างเรื่องการปราบสไลม์ที่อ่อนสุด ๆ พี่เซยะแกก็ใช้เวทย์ไม้ตายระดับสูงสุดที่มีฆ่าย้ำ ๆ ไปกว่าสิบรอบ ด้วยเหตุผลว่า เป็นมอนสเตอร์ที่ไม่รู้จักฆ่าเผื่อมันไม่ตายจริงไว้ก่อน
คือมันสะท้อนนิสัยพวกเล่นเกมแนวเก็บเลเวลแล้วนิยมฟาร์มหนัก ๆ จนเนื้อเรื่องหลักแทบไม่เดิมมาก ๆ แบบยอมเสียเวลาแต่แรกที่น่าเบื่อสุด ๆ ไปเลยนาน ๆ เพื่อเล่นตอนหลังได้สบายเจอบอสเจออะไรก็จะได้ง่าย แต่กับเซยะมันหนักกว่านั้นคือพี่แกกะฟาร์มกับสไลม์จนกว่าจะมั่นใจว่าเลเวลเต็มไปเลยทีเดียว (ฮา)
จริง ๆ เนื้อเรื่องเหมือนมาสายฮาสายเอนเตอร์เทนผู้ชมและแฟนตาซีแบบไม่สนใจความจริงเท่าไรนัก แต่ทว่าถ้าดูจนจบซีซันเราจะพบว่า นี่เป็นแอนิเมะที่เนื้อเรื่องดีมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลย เพราะเบื้องหลังการกระทำของตัวละครต่าง ๆ ทั้ง ริสต้าและเซยะล้วนมีความจริงด้านจิตวิทยาที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ (ต้องดูเองนะ) และกลายเป็นว่าที่ว่าฮา ๆ เอาจริงโคตรดราม่าเลย จากดูเอาบันเทิงในพลอตเอาฮากลายเป็นผู้ชมเอาใจช่วยพวกตัวละครแบบทุ่มใจสุด ๆ ไปเลย
ด้านงานภาพและงานพากย์จัดว่าน่าประทับใจเลยทีเดียว คือจริง ๆ ภาพไม่ได้สวยสุด ๆ แต่ลายเส้นเผา ๆ บางช่วงมันเข้ากับความรั่วของริสต้าได้ดีมาก ๆ คิดว่าน่าจะจงใจเลยล่ะ ออกแบบได้ลงตัวกับเรื่องดี ส่วนงานพากย์ต้องชมเป็นส่วนตัวให้กับน้อง โทโยะซากิ อากิ ที่พากย์เป็นริสต้า
บางคนน่าจะเคยเห็นที่น้องไปพากย์เป็นริสต้าโชว์ในรายการทีวีของญี่ปุ่น แบบว่าต้องเปลี่ยนอารมณ์ไปมาเร็วมากสมาธิต้องดีสุด ๆ จริง ๆ ทำให้ดูเพลินลงตัวไปหมดไม่ว่าจะเสียงน่ารัก เสียงสวย เสียงหื่น และเสียงรั่ว ๆ (ฮา)
เป็นอีกเรื่องที่แนะนำดูเพื่อผ่อนคลายเลยครับ