20 กว่าปีที่ต้องรอ: เบื้องหลังการสร้าง THE LAST DANCE สุดยอดสารคดีบาสเกตบอลตลอดกาล
THE LAST DANCE คือสารคดีกีฬา ที่ร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงมากที่สุด ในปี 2020 กับเนื้อหาที่เล่าถึงฤดูกาลสุดท้ายของ ไมเคิล จอร์แดน กับ ชิคาโก บูลส์ ในฤดูกาล 1997-98
เหตุผลที่สารคดีชุดนี้ ได้รับความอย่างล้นหลาม เป็นเพราะว่า The Last Dance ได้เล่าเรื่องราวอย่างเจาะลึกถึงที่สุด ของ ไมเคิล จอร์แดน ทั้งความคิด พฤติกรรม และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แต่กว่าจะได้สารคดีชั้นเลิศ ออกฉายสู่สาธารณะชน การสร้างสารคดี The Last Dance ต้องเจออุปสรรค ความยกลำบากมากมาย ใช้เวลาการสร้างมากกว่า 20 ปี กว่าจะได้ออกฉาย ให้ผู้ชมได้รับชมในปี 2020
ต่อรองกับสุดยอดตลอดกาล
จุดเริ่มต้นของการทำสารคดี The Last Dance ต้องย้อนไปในช่วงปิดฤดูกาลของลีก NBA ปี 1997 จากข่าวคราวที่คนวงในของลีก NBA ได้ทราบมาว่า ฤดูกาล 1997-98 กำลังจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ ไมเคิล จอร์แดน กับ ชิคาโก บูลส์
Photo : www.essentiallysports.com
มีข่าวลือมากมายในเวลานั้นว่า จอร์แดนอาจไม่กลับมาเล่นให้บูลส์อีกแล้ว หรือถ้ากลับมา นี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขา พร้อมกับสุดยอดโค้ชของทีม ฟิล แจ็คสัน ซึ่งเหลือสัญญาปีสุดท้ายกับทาง ชิคาโก บูลส์ และมีแนวโน้มจะอำลาทีมหลังจบฤดูกาล
NBA รู้ดีว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลสุดท้าย ที่ ชิคาโก บูลส์ จะครองความยิ่งใหญ่ และพวกเขาอยากจะเก็บ เรื่องราวความยิ่งใหญ่ของทีมชุดนี้เอาไว้ และไม่มีวิธีไหนจะดีมากไปกว่า การบันทึกเป็นสารคดี เพื่อถ่ายทอดการเต้นรำครั้งสุดท้าย ของ ชิคาโก บูลส์
การจะทำสารคดี ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะเข้าไปถ่ายได้ง่ายๆ ต่อให้เป็น NBA ก็ตาม แต่พวกเขาต้องได้รับคำอนุญาต จากผู้เกี่ยวข้องเสียก่อน และสิ่งที่ยากยิ่งกว่า คือการได้รับคำยินยอมจาก ไมเคิล จอร์แดน และ ฟิล แจ็คสัน
"สุดท้ายแล้ว โค้ชคือคนที่ควบคุมห้องแต่งตัว ดังนั้นถ้าเราทำให้ฟิลเชื่อใจได้ เขาจะช่วยเราได้มาก" อดัม ซิลเวอร์ คอมมิชชันเนอร์คนปัจจุบันของ NBA ที่ย้อนไปเมื่อปี 1997 เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายสื่อของ NBA และเป็นตัวตั้งตัวตี ในการทำสารคดีชุดนี้เผย
โชคดีที่ทีมงาน สามารถอธิบายความตั้งใจ ในการถ่ายสารคดี จนฟิลเห็นดีด้วย และพร้อมให้การช่วยเหลือทุกอย่าง ... เมื่อฟิลอนุญาต นักกีฬาในทีมต้องยอมรับ การตัดสินใจของโค้ช ยกเว้นชายคนเดียวที่สามารถค้านการตัดสินใจของฟิลได้ นั่นคือ ไมเคิล จอร์แดน
ในตอนแรก ไมเคิล จอร์แดน เห็นด้วยกับการถ่ายทำสารคดี เพราะเขามองว่า เป็นเรื่องดีที่จะบันทึกเรื่องราวของเขา ไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อไหร่ที่เขาสั่งให้หยุดถ่าย ทุกคนต้องหยุดถ่าย
อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจของ NBA คือต้องการบันทึกทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับชิคาโก บูลส์ ในฤดูกาล 1997-98 ดังนั้นพวกเขาต้องการถ่ายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี นั่นทำให้ ไมเคิล จอร์แดน ไม่เห็นด้วย และเขาไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทำ
Photo : www.reviewjournal.com
"ผมจะไม่ต่อรองกับใครทั้งนั้น ผมพูดแบบนี้อยู่ตลอด ในช่วงเวลานั้น แน่นอนผมคิดว่าสักวันหนึ่ง การต่อรองต้องเกิดขึ้น (กับจอร์แดน) และมันเป็นเรื่องที่ยาก แต่เราต้องรู้เวลาที่เหมาะสม เพราะสิ่งสำคัญที่สุด คือเราต้องได้ฟุตเทจทุกอย่างที่เกิดขึ้น" อดัม ซิลเวอร์ กล่าวถึงอุปสรรคที่ต้องพบเจอ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มถ่ายทำ
ท้ายที่สุดการต่อรอง ระหว่าง NBA กับจอร์แดน ก็เกิดขึ้น และ NBA ยื่นข้อเสนอว่า หากจอร์แดนยอมให้พวกเขาบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้น จอร์แดนและคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (เฉพาะคนสำคัญ) จะได้รับสิทธิ์ตัดสินใจว่า ฟุตเทจทั้งหมดที่ถูกบันทึก จะถูกใช้งานหรือห้ามใช้งาน
หากจอร์แดนไม่พอใจ เรื่องราวที่ถูกบันทึก เขามีสิทธิ์ที่จะสั่งห้ามการเผยแพร่ ฟุตเทจทั้งหมดที่ถูกถ่ายทำ และทาง NBA สัญญาว่า ถ้าจอร์แดนไม่อนุญาต ฟุตเทจทั้งหมด จะไม่ถูกนำมาใช้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าในชิ้นงานไหนก็ตาม จนกว่าจอร์แดนจะอนุญาต
ด้วยเหตุนี้ จอร์แดนจึงตัดสินใจตอบตกลง และการบันทึกฟุตเทจ เพื่อมาทำสารคดีชุดนี้ ได้เริ่มต้นขึ้น
ความจริงไม่ถูกใจทุกคน
หากใครได้ชมสารคดี The Last Dance จะพบว่าสารคดีชุดนี้ ได้บันทึกเรื่องราวทุกอย่างของ ไมเคิล จอร์แดน และทีม ชิคาโก บูลส์ เอาไว้ทั้งหมด
Photo : www.chicagotribune.com
ตลอดฤดูกาล 1997-98 ทีมงานตามไปถ่ายทำทุกที่ โรงแรม, สนามบิน, ห้องแต่งตัว, สนามซ้อม ทุกที่ที่นักกีฬาของบูลส์ปรากฎตัว ที่นั่นมีกล้องตั้งถ่ายพวกเขาตลอดเวลา รวมทั้งหมดเป็นฟุตเทจยาวกว่า 500 ชั่วโมง
ทีมงานที่บันทึกภาพสารคดีชุดนี้ ต่างรู้ดีว่า นี่จะเป็นสารคดีที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตั้งแต่วงการกีฬาเคยมีมา พวกเขาได้ฟุตเทจทุกอย่างที่ต้องการ รวมถึงฉากจบที่งดงาม กับการคว้าแชมป์ NBA ของ ชิคาโก บูลส์ โดยมี ไมเคิล จอร์แดน เป็นฮีโร่ ... อย่างไรก็ตาม สารคดีชุดนี้ กลับต้องใช้เวลามากกว่า 20 ปี จึงได้ออกฉาย
ปัญหาสำคัญ มาจากฟุตเทจทั้งหมด ไม่ได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่ และหนึ่งคนที่ไม่ต้องการ ให้เผยแพร่เรื่องราวตรงนี้ คือ ไมเคิล จอร์แดน
Photo : www.indiewire.com
การถ่ายทำสารคดีชุดนี้ ไม่ได้บันทึกภาพแต่ด้านดีๆ แต่ยังมีด้านแย่ๆ ซึ่งถูกบันทึกไว้ด้วย ... เชื่อกันว่า จอร์แดนในเวลานั้น คือนักกีฬาที่มูลค่าสูงที่สุดในโลก เขาไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์บางอย่างของเขา ถูกเผยแพร่ออกไป และอาจส่งผลเสียกลับมากระทบกับตัวเขา
"ผมบอกกับเขาว่า อย่างแย่ที่สุด นายจะเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ ที่ให้แรงบันดาลใจ ให้กับเด็กๆ ที่ดีที่สุด ตั้งแต่ที่เคยสร้างมา" อดัม ซิลเวอร์ กล่าวถึงคำพูดที่เขาเคยใช้โน้มน้าวใจให้จอร์แดน ยอมอนุญาตให้เผยแพร่ฟุตเทจที่ถ่ายทำ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่จอร์แดน ที่ไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่ ฟุตเทจที่ถูกบันทึกไว้ ... เจสัน เฮเออร์ ผู้กำกับสารคดี The Last Dance เผยว่า มีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับสารคดีชุดนี้ ไม่ต้องการให้ปล่อยฟุตเทจ สู่สายตาสาธารณะชนเช่นกัน
Photo : www.androidcentral.com
อย่างไรก็ตาม คนสำคัญที่สุด ที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ คือ ไมเคิล จอร์แดน ... ทางผู้บริหารของ NBA มีความสนิทสนม กับยอดนักบาสเกตบอลรายนี้เป็นอย่างดี (สิ่งสำคัญประการหนึ่ง คือปัจจุบัน เขาเป็นเจ้าของทีม ชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ ใน NBA ด้วย) และพวกเขารู้ดีว่า จอร์แดนเป็นคนนิสัยอย่างไร ดังนั้น พวกเขาจึงไม่พยายามเร่ง หรือบีบบังคับจอร์แดน เพราะเชื่อว่า เมื่อวันหนึ่งที่จอร์แดนพร้อม เขาจะบอกกับทุกคนเอง แม้เวลาผ่านไปนานเท่าใด ก็ไม่มีแนวโน้ม ที่จอร์แดนจะอนุญาต ให้เปิดเผยฟุตเทจที่ถูกบันทึกไว้
แต่มีชายคนหนึ่ง ที่ไม่เคยยอมแพ้กับเรื่องนี้ เขาคือโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ นามว่า ไมค์ ทอลลิน ... ทอลลินได้บังเอิญ ไปรับชมฟุตเทจที่ถูกบันทึกไว้ และเขามองว่า นี่คือขุมทรัพย์ที่แท้จริง ของวงการภาพยนตร์สารคดี
เขาใช้เวลาอยู่นาน ในการวางแผน เพื่อที่จะให้จอร์แดนยอมอนุญาต ทั้งการเขียนบทของสารคดี ที่เขาอยากให้นำเสนอออกมา รวมถึงหาเหตุผลที่เขาคิดว่า จอร์แดนจะเห็นด้วยกับเขา
กระทั่งเดือนมิถุนายน ปี 2016 เขาเขียนเอกสารขึ้นมาหนึ่งเล่ม ถึงความตั้งใจของเขา ที่อยากจะทำสารคดี เล่าเรื่องของชิคาโก บูลส์ ในปี 1997-98 เพื่อส่งให้กับจอร์แดน
Photo : www.phillymag.com
"ผมเขียนในหน้าแรกว่า คุณจอร์แดน เด็กทุกคนที่เข้ามาในออฟฟิศผม ใส่รองเท้าของคุณ ทั้งที่เขาไม่เคยดูคุณเล่นด้วยซ้ำ ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วครับ" ทอลลินกล่าว
ทอลลินได้พบกับจอร์แดนในเวลาต่อมา เขาเผยว่า จอร์แดนอ่านทุกหน้า ทุกคำในเอกสารที่เขาส่งไป และทั้งสองพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความเห็นต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องบาสเกตบอล
ทอลลินเชื่อว่า จอร์แดนจะตอบรับความต้องการของเขา เพราะตอนนี้จอร์แดนอายุมากขึ้น เติบโตขึ้นกว่าในอดีต ที่สำคัญ ทอลลินเชื่อว่า ความสำเร็จของ เลบรอน เจมส์ นักบาสเกตบอลรุ่นน้อง จะทำให้จอร์แดน ต้องการเผยความยิ่งใหญ่ของเขา ให้โลกได้รับรู้ เพื่อรักษาความเป็นนักบาสเกตบอลหมายเลข 1 ตลอดกาลเอาไว้ เพราะนี่คือเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ทอลลิน อยากสร้างสารคดีชุดนี้ขึ้นมาเช่นกัน
"Let's do it" คือคำที่จอร์แดน บอกกับทอลลิน หลังการพูดคุยของทั้งคู่สิ้นสุดลง ทั้งสองจับมือกัน และนั่นหมายถึง การสร้างสารคดี The Last Dance ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทุ่มเทเพื่อสารคดีที่สมบูรณ์แบบ
แม้จะได้รับอนุญาตจาก ไมเคิล จอร์แดน แต่ใช่ว่าการเดินหน้าสร้าง สารคดี The Last Dance จะราบรื่น เพราะบางคนยังคงไม่ต้องการ ให้เปิดเผยฟุตเทจ ที่ถูกบันทึกเอาไว้ ออกฉายให้ผู้คนได้รับชม
Photo : decider.com
กลายเป็นงานยากของ เจสัน เฮเออร์ ผู้กำกับสารคดีชุดนี้ ที่ต้องเดินทางพูดคุยกับคนมากมาย เพื่อให้ทุกคนเห็นด้วยกับการทำสารคดีชุดนี้ โดยเฮเออร์เลือกใช้สารคดี "Andre The Giant" สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของนักมวยปล้ำ อังเดร เดอะ ไจแอนท์ ซึ่งเจ้าตัวเองกำกับด้วยเช่นกันเป็นตัวอย่าง บอกเล่าถึงความตั้งใจของเขา ที่ต้องการให้ The Last Dance เป็น จนท้ายที่สุด ฟุตเทจทั้งหมด ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างสารคดี อย่างสมบูรณ์
เฮเออร์ มีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่า การเอาเพียงฟุตเทจในอดีต มาสร้างเป็นสารคดี แต่เขาต้องการนำผู้เกี่ยวข้องกับช่วงเวลานั้น มาพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเขา หลังเวลาผ่านไปถึง 20 ปี
Photo : www.indiewire.com
ผู้กำกับรายนี้ เข้าพูดคุยกับจอร์แดน ด้วยความต้องการที่จะให้จอร์แดน เป็นบุคคลสำคัญ ที่จะเล่าถึงเหตุการณ์และเรื่องราวในแต่ละตอน ซึ่งจอร์แดนเห็นด้วยกับเขา
แต่งานที่ยากของเฮเออร์ คือการที่เขาต้องตามหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือถูกกล่าวถึงในสารคดีชุดนี้ กว่า 90 คน มานั่งสัมภาษณ์เพื่อให้พวกเขา ยอมพูดความรู้สึกอย่างหมดเปลือก ตรงไปตรงมา เพื่อเป็นส่วนผสมชั้นเลิศในสารคดี
ฟิล แจ็คสัน, สตีฟ เคอร์, สก็อตตี พิพเพน, เดนนิส ร็อดแมน, จอห์น แซลลีย์, แมจิค จอห์นสัน และ โคบี ไบรอันท์ ผู้ล่วงลับ คือตัวอย่างบุคลากรบาสเกตบอลส่วนน้อย ที่สารคดีนี้ตามไปสัมภาษณ์ รวมถึงอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา อย่าง บารัค โอบามา และ บิล คลินตัน ก็ถูกทีมงานจับมานั่งสัมภาษณ์ด้วยเช่นกัน
Photo : www.npr.org
ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกว่า 90 ชีวิต และจะตัดต่อคำพูดของคนเหล่านั้น ให้เชื่อมโยงกับเรื่องราวในอดีต ให้เกิดเป็นสารคดีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ทีมงานทุกคนตั้งใจทำอย่างมาก แม้จะเหนื่อยและยากลำบาก รวมถึงกินเวลานานหลายปี
สำหรับเฮเออร์ ในฐานะผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้ ต้องเจองานยากหลายอย่าง แต่ไม่มีอะไรยากสำหรับเขา มากไปกว่าการจะต้องสื่อสาร ให้ผู้ชมเข้าใจความหมายที่ The Last Dance ต้องการจะสื่อ รวมถึงความคิด ความรู้สึก ของตัวละครทุกคนที่ปรากฎตัวในสารคดี โดยเฉพาะ ไมเคิล จอร์แดน
เฮเออร์เผยว่า เขามีโอกาสพูดคุยกับจอร์แดน และจอร์แดนเคยบอกกับเขาว่า ใจจริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการให้สารคดีชุดนี้ออกฉาย เพราะเขากลัวว่าผู้คน จะไม่เข้าใจการกระทำบางอย่างของเขา ที่ถูกถ่ายทอดออกไป ผ่าน The Last Dance
ดังนั้น งานยากของเฮเออร์ นอกจากจะต้องกำกับสารคดี ให้ออกมาสนุกที่สุด เขายังต้องเข้าใจความคิดของตัวละครหลักทุกคน ที่ปรากฎตัวในสารคดี เพื่อไม่ให้ทุกอย่างผิดเพี้ยน และกลายเป็นสารคดีที่นำเสนอความจริงทุกอย่าง เกี่ยวกับ ชิคาโก บูลส์ ปี 1997-98
Photo : www.essentiallysports.com
ท้ายที่สุด เฮเออร์เชื่อว่าสารคดีชุดนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะทุกฝ่ายร่วมด้วยช่วยกัน ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวการเต้นรำครั้งสุดท้าย ระหว่าง ไมเคิล จอร์แดน กับ ชิคาโก บูลส์ ... ตั้งแต่การเริ่มต้นคิดไอเดียการถ่ายทำ, บันทึกฟุตเทจยาวนาน 500 ชั่วโมง, เอาชนะใจ ไมเคิล จอร์แดน จนได้รับอนุญาตให้ทำสารคดี, พูดคุยและทำความเข้าใจ กับการสัมภาษณ์คนกว่า 90 คน, กำกับและตัดต่อสารคดีชุดนี้ เพื่อให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ไม่ใช่งานง่าย กับการทำเรื่องทั้งหมดให้สำเร็จ และแม้จะต้องกินเวลามากกว่า 20 ปี กว่าสารคดี The Last Dance จะได้ออกฉายจริง สู่สายตาผู้ชม แต่ด้วยกระแสตอบรับที่ล้มหลาม ทั้งจากคนดู และนักวิจารณ์ เชื่อว่าทีมงาน ผู้เกี่ยวข้องทุกคน คงรู้สึกหายเหนื่อย ที่ได้สร้างสารคดีประวัติศาสตร์ ซึ่งบันทึกเรื่องราวที่น่าจดจำ ของวงการบาสเกตบอล เอาไว้ตลอดกาล