ตัวอย่างภาคต่อหนังนักสืบ "ปัวโรต์" Death on the Nile ออกมาไขคดีอีกครั้ง
หนังภาคต่อของนักสืบ Hercule Poirot จากนวนิยายชื่อดังของ Agatha Christie ฉบับสร้างใหม่ล่าสุด เล่นเองกำกับเองโดย Kenneth Branagh (กำลังจะมีหนัง Tenet ที่เขานำแสดงเข้าฉายช่วงนี้ด้วยเช่นกัน) กับชื่อภาคสอง Death on the Nile หรือ “ฆาตกรรมแม่น้ำไนล์” เรื่องราวจะต่อจากตอนจบภาคแรก Murder on the Orient Express (2017) ที่ Poirot ได้รับเชิญไปแก้ไขคดีฆาตกรรมกลางเรือสำราญหรูล่องแม่น้ำไนล์ หลังจากที่เขาและคนดูได้อึ้งตะลึงงันไปกับคดีฆาตกรรมบนรถไฟข้ามประเทศในภาคแรก เขาบอกว่า ไม่อาจชี้ผิดชี้ถูกได้ ซึ่งกับภาคนี้ดูจะต้องพูดประโยคเดิมอีกครั้ง
หนังยังคงระดมทีมนักแสดงชื่อดังคับคั่ง และเป็นเช่นเดียวกับหนังฉบับปี 1978 ที่ Peter Ustinov รับบทเป็น Poirot เอาไว้ ซึ่งหนังในตอนนั้นก็เป็นภาคต่อของ Murder on the Orient Express ฉบับปี 1974 เช่นกัน แต่ต่างตรงที่หนังมีการเปลี่ยนผู้รับบทนักสืบของเรื่อง ภาคแรกนั้นรับบทไว้โดย Albert Finney
เรื่องราวของภาคนี้ Poirot ต้องเดินทางไปยังประเทศอียิปต์ เพื่อไขคดีฆาตกรรมปริศนา ซึ่งเหยื่อเป็นทายาทสาวของมหาเศรษฐีที่มาเที่ยวเพื่อดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามี ทุกคนบนเรือล้วนเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยกันหมดเพราะมีเหตุจูงใจทั้งนั้น (ทำนองเดียวกับหนังภาคแรก) ไม่เพียงแค่นั้น ผู้ต้องสงสัยบางคนก็ตกเป็นเหยื่อรายต่อไปอีกต่างหาก ทำให้ Poirot ต้องรีบสืบคดีหาคนร้ายให้ได้ก่อนที่เรือจะถึงฝั่งหรือมีคนต้องตายมากขึ้น
สมทบ Kenneth Branagh ด้วย “Wonder Woman” Gal Gadot, Armie Hammer จาก Call Me By Your Name (2017), นักแสดงเข้าชิง 4 รางวัลออสการ์ Annette Bening จาก The Kids Are All Right (2010, Rose Leslie จากซีรีส์ Game of Thrones, Emma Mackey จากซีรีส์ Sex Education, Russell Brand จาก Arthur (2011) และ Tom Bateman จากภาคแรกกลับมารับบท Bouc เพื่อนของ Poirot และหนังก็ได้มือเขียนบท Michael Green จากภาคแรกและหนังฮิตอย่าง Logan (2017) และ Blade Runner 2049 (2017) อีกด้วย
หนังยังได้ปล่อยโปสเตอร์ (ที่เห็นควันสีแดงพวยพุ่งมาจากปล่องควัน เปลี่ยนจากหัวรถจักรไอน้ำในภาคก่อนมาเป็นปล่องเรือล่องแม่น้ำ) ออกมาเพื่อย้ำเตือนว่า 23 ตุลาคม คอหนังทั่วโลกจะได้ชมเรื่องนี้แบบไม่เลื่อนหนีโควิดเหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ อาจเป็นเพราะนี่เป็นหนังเรื่องท้าย ๆ ภายใต้การสร้างของ 20th Century Fox ที่ถูก Disney ควบรวมกิจการ และ Disney ก็กะฉายทิ้งแบบไม่ค่อยแคร์เท่าไร แต่ถ้าหนังเกิดฮิตเป็นรอบที่สองเช่นเดียวกับภาคแรก แฟน ๆ อาจจะมีลุ้นว่าจะได้เห็นภาค 3 เพราะฉบับหนังเวอร์ชันก่อนมีตอน Evil Under the Sun (1982) เป็นหนังปิดไตรภาค