[หนังบันดาลใจ] Work it เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนเป็น “นักเต้น” ในจิตวิญญาณ

[หนังบันดาลใจ] Work it เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนเป็น “นักเต้น” ในจิตวิญญาณ

[หนังบันดาลใจ] Work it เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนเป็น “นักเต้น” ในจิตวิญญาณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกครั้งเวลาที่ผมเองได้ยินคนพูดว่า “ไม่เอาอ่ะ เราไม่มีพรสวรรค์ด้านการเต้น” เราก็มักจะชอบพูดคุยและบอกกับคู่สนทนาว่าจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมนะครับ “ทุกคนล้วนแล้วแต่มีดนตรีในหัวใจ การขยับร่างกายให้ไปกับเสียงเพลง แค่นี้ก็คือการเต้นแล้ว แต่เรื่องเต้นสวย เต้นลงจังหวะ หรือการสื่อสารอินเนอร์มันคือการฝึกฝนเพิ่มเติมครับ”

ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสเปิดหนัง Netflix เรื่อง Work it ซึ่งก็เป็นหนังที่เกี่ยวกับการเต้นนั่นแหละ พล็อตเรื่องก็เดิมๆสูตรสำเร็จจ๋า ราวกับว่าไม่เคยมีการสร้างหนังแบบนี้ออกมาก่อนบนโลกใบนี้ อย่างไรก็ตามจุดเด่นของหนังตระกูลนี้คือการสร้างความสุขให้กับผู้ชม พูดง่ายๆมันมักจะเล่าเรื่องราวการ “เรียนรู้” ของตัวเอก ทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่เคยลงมือทำ เป็นสิ่งใหม่ในชีวิตของตัวละคร เขาหรือเธอจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ก่อนที่จะพบว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นแท้ที่จริงแล้วมันคือความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต

Work it บอกเล่าเรื่องราวของควินน์ (ซาบริน่า คาร์เพนเตอร์) สาวไฮสคูลที่โดดเด่นเรื่องการเรียน และทักษะการเข้าสังคมรอบด้าน แต่สำหรับด้านกิจกรรมเธอมีหน้าที่ในการควบคุมระบบไฟและเสียงให้กับทีมเต้นชื่อดังประจำโรงเรียนวู้ดไบร์ทไฮอย่างธันเดอร์เบิร์ดจนกระทั่งวันหนึ่งเธอทำกาแฟหกใส่แผงไฟและทำให้การซ้อมในวันนั้นเกิดการสะดุดลงกลางคัน จูลิอาร์ต (เคียแนน ลอนสเดล) หัวหน้าทีมจึงเกิดอาการหัวร้อนและไล่เธอออกแบบสายฟ้าแล่บ!

ควินน์จึงแอบรู้สึกเธอสูญเสียโปรไฟล์เก๋ๆที่จะไปใช้สัมภาษณ์ในการเข้ารับการพิจารณาที่มหาวิทยาลัยดุ๊ค โดยในยุคสมัยปัจจุบัน สถาบันทางการศึกษาที่มีชื่อเสียงไม่ได้มองหานักเรียนที่วิชาการเป็นเลิศเท่านั้น แต่ด้านกิจกรรมก็ต้องโดดเด่นไม่เป็นรองใคร การทำตัวให้พร้อมและครบเครื่องของควินน์จึงถูกตระเตรียมมาหมดแล้วเป็นอย่างดี

ระหว่างเข้ารับการสัมภาษณ์ เธอถูกโยนคำถามใส่หน้าว่า ผู้สมัครทุกคนก็เหมือนๆกันหมดเตรียมคำถามคำตอบมาราวกับเป็นสคริป แต่มหาวิทยาลัยนี้กำลังมองหาผู้สมัครที่มีกิจกรรมโดดเด่น ผู้สมัครที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง กล้าได้กล้าเสี่ยงเพราะโลกทุกวันนี้ใกล้จะล่มสลายแล้ว! และมหาวิทยาลัยไม่ได้คนที่ต้องการอยู่แต่ในกรอบที่ตัวเองสร้างขึ้นมา พวกเขาอยากจะรู้จักตัวตนจริงๆของคนสมัคร! ควินน์จึงพลั้งปากไปว่าความหลงใหลของเธอคือการเต้น เธอจึงโกหกว่าตัวเองอยู่ในทีมเต้นธันเดอร์เบิร์ทและตอบแบบงูๆปลาๆว่าตัวเองเป็น “ผู้ส่องแสงสว่างให้กับทีม” รามิเรซ ผู้สัมภาษณ์จึงบอกกับเธอว่าจะรับพิจารณาเธอ แล้วจะตามไปดูผลงานที่งานแข่งเต้นเวิร์คอิท ที่ทีมธันเดอร์เบิร์ดจะลงแข่ง

เหตุผลดังกล่าวนี่เองที่ทำให้ควินน์ต้องหาหนทางกลับเข้าไปอยู่ในทีมเต้นธันเดอร์เบิร์ดให้ได้ แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะเธอไม่มีทักษะด้านการเต้นเลย แต่ควินน์ก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ เธอจึงตัดสินใจลองไปออดิชั่นเพื่อเข้าทีม แต่ผลลัพธ์ก็เป็นดังคาดว่าการเต้นที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของตัวเองนั้นเวลาคงไม่เพียงพอที่จะเข้าร่วมทีมเต้นอันดับ 1 ควินน์ก็ยังไม่ยอมแพ้และประกาศกร้าวว่าจะตั้งทีมเต้นของตัวเองขึ้นมาและมีแจ๊ส (ลิช่า โคสกี้) เป็นหัวหน้าทีม

ควินน์รู้ตัวเองดีว่าเธอคือ “คนที่ไม่เก่ง” แต่เธอเป็นคนรักในการเรียนรู้ ควินน์จึงเดินทางไปที่โรงเรียนสอนเต้นที่มีเจค เทย์เลอร์ (จอร์แดน ฟิชเชอร์) โคริโอกราฟและนักเต้นชื่อดัง ที่ควินน์อยากจะให้เขามาช่วยออกแบบท่าเต้นให้ แต่เจคก็บอกปัดอย่างไม่ใยดีว่าเขาไม่สนใจ ควินน์จึงพยายามอธิบายว่า จากประสบการณ์ในการดูหนังเต้นมา เธอค้นพบว่าความมุมานะคือปัจจัยแห่งชัยชนะ สิ่งที่เจคตอบกลับมาคือ “การเต้น” ไม่ใช่อะไรแบบนั้น เขาจึงถามควินน์กลับว่า มีความมุมานะ แล้วเรื่อง “ทักษะ” ล่ะ ในฐานะนักเต้นเจคมองออกกระทั่งการเดินของควินน์ว่าเธอไม่มีทักษะใดๆในศาสตร์นี้ เขาจึงเริ่มถามต่อถึงว่าทำไมถึงอยากแข่งเต้นทั้งๆที่เต้นไม่เป็น เธอจึงต้องเผยความจริงทั้งหมดออกมา และยืนยันว่ายังไงก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ

ควินน์จึงเริ่มพยายามเรียนรู้ด้วยการไปลงเรียนคลาสเต้นเพื่อทำความเข้าใจในพื้นฐานในการขยับตัวกับเจค เมื่อฝั่งเจค สัมผัสได้เช่นกันว่าไฟแห่งความมุ่งมั่นในตัวเธอมีอยู่จริงเขาจึงอนุญาตให้ควินน์พาทีมมาซ้อมเต้นที่สตูดิโอที่เขาสอนอยู่แบบที่เจ้าของไม่รู้ พูดง่ายๆคือให้แอบใช้สถานที่แบบไม่เก็บเงิน!

สิ่งที่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่อง Work it จึงเป็นการถ่ายทอดความพยายามที่จะเรียนรู้อย่างไม่รู้จบของตัวเอก ทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ทำความเข้าใจ พัฒนาตัวเองเพื่อเดินไปถึงเป้าหมาย แม้ว่าเป้าหมายหลักของเธอจะต้องการทำแค่เป็นโปร์ไฟล์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย แต่ความเป็นจริงเมื่อเธอเริ่มซึมซับวัฒนธรรมการเต้นและการทำงานเป็นทีม ก็เปิดโอกาสให้เธอได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และค้นพบว่านั่นคือ “ความสุข” อีกอย่างในชีวิตที่ขาดไม่ได้

แม้ว่าการเต้นของควินน์อาจจะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่เมื่อเธอฟอร์มทีมเต้นขึ้นมาแล้ว เธอกลับเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มและทำให้ทีม

สมบูรณ์ในแบบทีมแข่งเต้นต้องการและแม้ว่าชัยชนะตอนท้ายเรื่องอาจจะดูค้านสายตาคนดูไปบ้าง แต่มันก็เป็นกำลังใจที่จะปลอบประโลมคนดูว่า บางครั้งความพยายามและความหวังของการไม่ยอมแพ้ก็คือสิ่งสำคัญในชีวิตนั่นเอง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook