รีวิว Present Still Perfect (แค่นี้ก็ดีแล้ว 2) หนังชายสองคนที่ (ยังคง) ตกหลุมรักกัน
ย้อนกลับไปในปี 2015 Present Perfect (แค่นี้ก็ดีแล้ว) ถือเป็นหนัง LGBT เรื่องหนึ่งในปีนั้นที่จัดได้ว่า เป็นหนังนอกกระแสที่สามารถสร้างความสนใจให้กับคอหนังบ้านเราพอสมควร เพราะนอกจากจะยกระดับ “หนังเกย์ เอสพลานาด” (ชื่อเรียกกลุ่มหนังเกย์ที่สร้างโดยสตูดิโอเล็กๆและฉายในวงจำกัด ซึ่งมักจะเลือกโรงภาพยนตร์เอสพลานาดรัชดาเป็นโรงฉายหลัก) ให้เข้าถึงกลุ่มคนดูในวงกว้างขึ้น หนังเรื่องนี้ยังสามารถไปสร้างชื่อเสียงในเทศกาลหนังต่างๆทั่วโลกอีกด้วย
เหตุการณ์ใน Present Still Perfect ยังคงเล่าเรื่องราวของเต้ย (ไอซ์-อดิศร โทณะวณิก) และพี่โอ้ต (โจ๊ก-กฤษณะ มฤคสนธิ) กับช่วงเวลา 4 ปีให้หลัง ที่เต้ยยังคงช้ำรักและไม่อาจจะเริ่มต้นใหม่ เพราะหัวใจทั้งดวงเขายังคงรักรอพี่โอ้ตที่ตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวและมีลูกไปแล้ว
ความกลัวจับขั้วหัวใจแต่ก็คิดถึงแทบใจสลาย เต้ยอยากจะส่งข้อความไปหาพี่โอ้ตหลายครั้งหลายหน แต่เขาก็ยังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองและถกเถียงกับสิ่งผิดชอบชั่วดี ว่าตัวเองจะกลายเป็นมือที่ 3 ที่ทำให้ครอบครัวของพี่โอ้ตล่มสลายแตกแยก และกลัวว่าลูกของเขาจะมองพ่อเปลี่ยนไป ถ้าหากเต้ยจะกลับไปรุกคืบความสัมพันธ์อีกครั้ง
ระหว่างที่หนีมาพักใจที่รีสอร์ทที่เกาะกูด เต้ยบังเอิญพลั้งมือกดสั่งข้อความไปหาพี่โอ้ตแบบไม่ได้ตั้งใจ เมื่อโลเคชั่นของเต้ยถูกเปิดเผยเช้าวันรุ่งขึ้นพี่โอ้ตก็มาหาเขาถึงรีสอร์ท และแม้ว่าตอนแรกเหมือนเต้ยจะพยายามไล่พี่โอ้ตกลับ แต่ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองก็โหยหาและคิดถึงกันมากกว่าที่คิด ส่งผลให้ทั้งคู่เลือกจะใช้เวลาสั้นๆเพื่อทบทวนช่วงเวลาดีๆที่พวกเขาเคยมอบให้กันอีกครั้ง
แน่นอนว่า Present Still Perfect ยังคงพยายามสำรวจความสัมพันธ์ของสองตัวละครในโจทย์ที่ยากกว่าเดิม “เราสามารถรักคนที่มีเจ้าของแล้วได้หรือไม่” และ “เราจะยอมทิ้งความสัมพันธ์ตามธรรมเนียมประเพณีเพื่อคำว่ารักแท้ได้จริงหรือ” ซึ่งระหว่างที่หนังโยนคำถามใส่คนดู หนังก็ยังคงมอบห้วงอารมณ์แห่งความสุข ความทุกข์ของตัวละครให้กับผู้ชมได้ตามมาตรฐานภาคแรก แม้อาจจะดรอปลงในเรื่องของความสดใหม่ ประกอบกับเรายังคงรู้สึกว่าเต้ยเองก็ยังดูเป็น “เด็กที่ยังไม่โต” ไปตามบริบทของเรื่องนัก อีกทั้งบทสรุปของเรื่องที่หนังพยายามวาดวิมานความฝัน ให้กลายเป็นนิยายรักเล่มละ 10 บาทในยุค 20 ปีก่อนก็แอบลดทอนความขลังของประเด็นในหนังภาคแรกไปอยู่ไม่น้อย
แต่ถ้าจะมองในแง่ว่าถ้าหากตัวผู้กำกับอาม อนุสรณ์ สร้อยสงิม ต้องการจะเฉลิมฉลองและมอบความหวังให้กับคู่รัก LGBT ในไทยแล้ว นี่อาจจะเป็นทางออกและบทสรุปของหนังเรื่องนี้ที่อาจจะลงตัวที่สุดแล้วก็เป็นได้
สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตามรายละเอียดที่หน้าเพจ: https://www.facebook.com/PresentPerfectFilms/