รับบทนางแบน นางถอนโฆษณา เมื่อสื่อหาทำ โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

รับบทนางแบน นางถอนโฆษณา เมื่อสื่อหาทำ โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

รับบทนางแบน นางถอนโฆษณา เมื่อสื่อหาทำ โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อู้ววว อร่อย อร่อยไม่ไหวค่ะแม่ ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมากับการที่สำนักข่าวที่กระทำผิดจรรยาบรรณสื่อต่อผู้สัมภาษณ์ในที่ชุมนุม จนนำไปสู่การล่ารายชื่อโฆษณาที่ลงกับสื่อและผ่านการเรียกร้องจากประชาชนเพื่อตัดการสนับสนุนสื่อที่ไร้ซึ่งจรรยาบรรณในที่สุด จนในช่วงนี้ หลายแบรนด์หลายเจ้า ก็เริ่มตบเท้าออกแถลงการณ์ว่าจะวางท่าทีอย่างไรต่อไปต่อสื่อเจ้านั้นๆ อ่ะเธอ

งั้นบทความสัปดาห์นี้ เทยมาชวนเมาท์เรื่องสปอนเซอร์กันดีกว่า กรุบๆ จุกๆ

สปอนเซอร์ โฆษณากับหน้าสื่อ เป็นของคู่กันจริงๆ ล่ะเธอจ๋า ประหนึ่งเพื่อนคู่คิด มิตรคู่กล้องเลยก็เลย ทั้งตัวสื่อ ช่อง ไปยันดารานักแสดง ต่างก็ผูกพันกับสื่อ กับผลิตภัณฑ์ และโปรดักส์ตั่งต่างอยู่เรื่อยมา

ย้อนเวลากลับไปเสียหน่อย สมัยที่ช่องทีวีเรายังมีอยู่ไม่กี่ช่อง เลขโทรทัศน์ไม่เกินเลข 12 ช่วงเวลาที่เราคุ้นเคยกับโฆษณาที่ชินหูชินตาที่สุดก็คือละคร เธอคงเคยกันใช่ไหมเอ่ย ที่แบบว่า นังนั่นกำลังจะเงื้อมือตบอยู่แล้ว พระเอกใกล้จะรู้ความจริงแล้ว เอาล่ะ ชั้นมีความจริงจะบอกคุณ แล้วก็... ไตเติ้ลเข้า ตัดเข้าโฆษณา

แล้วเราก็จะแบบ โอ๊ยยยยย กำหมัด

ช่วงเวลาละคร กับการโฆษณา เป็นช่วงเวลาราคาแพงมากจริงๆ นะคุณขา ละครที่โด่งดังจนเรตติ้งสูงมากๆ ซึ่งวัดจากการตรวจจับตัวรับเวลาที่เราๆ เธอๆ กดรีโมทแล้วตัวรับสัญญาณค้างไว้ที่ช่องนั้นๆ ไว้ ก็จะตรวจนับได้ ว่าละครเรื่องนั้นๆ มีคนดูจำนวนมากน้อยเท่าไหร่ ยิ่งมาก ก็ยิ่งเป็นตัวเลขที่สามารถการันตีต่อแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือบริการต่างๆ ให้ตาโตตาวาวว่าแบบ โห ถ้าชั้นปล่อยโฆษณาไปคั่นในช่วงเวลาละครเรื่องนี้แล้วล่ะก็ คนดูทั้งประเทศเลยนะเนี่ย เพราะงั้นการลงโฆษณาในช่วงที่ละครแซ่บ ก็คือมูลค่าเม็ดเงินหลายล้าน หรืออาจจะถึงร้อยล้านเลยล่ะเธอ

ธุรกิจบันเทิงเลยอู้ฟู่ถึงขนาด

แน่นอนว่าในยุคหลังๆ มา ก็เกิดความทีวีดิจิทัล จากช่องมากสีน้อยสี ก็กลายเป็นปู้ม! เหยียบร้อยช่อง ดูกันตาแตก แถมยังเบียดเสียดด้วยละครออนไลน์ ย้อนหลัง ดูได้แต่เฉพาะแพลตฟอร์มไปอีก สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของคนเสพย์ละครอย่างเรา ซีรีส์ขนาดสั้น ไม่ยืด รวบรัด ตรงประเด็น ก็เข้ามีบทบาทมากขึ้น ดังนั้นคนไม่ทนค่ะกับโฆษณา จะมาคั่นให้เสียอรรถรสละครชั้น ชั้นกดข้ามรัวๆ ค่ะ

ดังนั้น ละครและสื่อ จึงต้องบีบตัวเองให้ผู้กับโฆษณาชนิดเนื้อแนบเนื้อมากขึ้น ก็คือผูกกับตัวคอนเทนต์ไปเลย งานโฆษณาเดี๋ยวนี้ก็เลยต้องเล่าเรื่องไปด้วย จะขายของทั้งทีต้องทำเป็นหนังเป็นละครยังมี หรือที่เราเห็นกันจนชินตา ก็คือการ tie-in โปรดักส์เข้าไปกับซีรีส์ไปเลย พระเอกนางเอกนายเอกจูบกันอยู่ดีดี อ่ะ เธอดื่มนี่สิ ใช้นี่สิ แพนกล้องไปรับโปรดักส์หน่อย เอ๊า ขายของจ้า

ยิ่งไปกว่านั้น กำแพงระหว่างนักแสดงดารา กับผู้ติดตามผลงานก็ทลายลงจากโซเชี่ยลมีเดีย อยากตามชีวิตดารา ก็แทบไม่ต้องดูแลข่าวบันเทิงซุบซิบ โน่นเลยค่ะ IG และมันก็ไม่แปลกเลย ที่อยู่ดีดี ดารานักแสดงที่เราชื่นชม จะเกิดฟีลถ่ายรูปกับโปรดักส์ซักชิ้น ขายในไม่ขาย ตัวนี้ใช้ดีนะคะ เทยลองแล้วตั่งต่าง หยิบโปรดักส์แนบหน้า จัดไฟ หักลบกับยอดไลก์ยอดฟอลโลเวอร์ ก็คือรับทรัพย์อื้อซ่า หรืออาจจะหนักเบอร์ถึงขั้นเซ็นสัญญา เป็นภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์นั้นๆ ไปเลยก็มี

ดูดีใช่ไหมล่ะ

แต่ในช่วงที่ผ่านมา เส้นแบ่งของการรับข่าวสารมันทันท่วงทีมากขึ้น โลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่แท้จริง การให้คุณค่าต่อสังคม การเมืองรอบตัว เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกัน สินค้าและบริการจะดำเนินธุรกิจไปได้ คนที่อุปโภค บริโภค ก็คือประชาชน คนทั่วๆ ไปที่ไม่อยู่ในแวดวงธุรกิจบันเทิงทั้งนั้นน่ะเธอ ดังนั้น มันก็เลยเกี่ยวเนื่องกัน เป็นสายสัมพันธ์การซื้อขายที่แยกกันไม่ขาด ยิ่งในสมัยที่ธุรกิจเติบโตได้ไว มีเจ้าเล็กเจ้าน้อยเจ้าใหญ่ผุดแข่งกันในสนามเดียวกัน คนก็พร้อมจะเปลี่ยนใจกันได้ง่าย

ดังนั้นเมื่อสื่อ และ/หรือ นักแสดง เริ่มวางตัวไม่ไปในทิศทางเดียวกับสังคมองค์รวม การโจมตีไปที่ฐานการอุปโภคบริโภค จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกต่างเคยประสบปัญหานี้มาแล้ว อย่างเช่นแบรนด์รองเท้าที่เคยทำโฆษณาด้วยแคมเปญที่เหมือนเหยียดคนดำ หรือแม้แต่ผู้บริหารโซเชียลมีเดียที่ทวีตข้อความคุกคามทางเพศผู้หญิง ทางองค์กรก็ต้องออกมายืนยันในอุดมการที่เคารพสิทธิอันหลากหลาย นำไปสู่การดำเนินการกับพนักงานเหล่านั้นออกทันที

กับทางสื่อนี่แล้วใหญ่ ทุกอย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะพูดอะไร ทุกอย่าง LIVE แถมหาดูย้อนหลังได้ง่าย อย่าคิดจะหนีไปไหน ดิฉันแคปไว้หมดแล้วค่ะ เพราะงั้นสื่อนอกจากตรวจสอบข่าวสารต่างๆ อยู่เป็นเนืองๆ แล้ว คนดูเองก็กำลังตรวจสอบสื่อด้วยเหมือนกัน ในส่วนของดารานักแสดงก็เช่นเดียวกัน ยอดฟอลโลเวอร์ของนักแสดง อาจจะกำลังชีเป็นชี้ตายบางอย่างอยู่ ดาราบางคน แสดงทัศนคติที่ไม่โอเคต่อการเคารพชีวิต หรือสนับสนุนสิ่งที่ริดรอนเสรีภาพอันหลากหลาย ยอดฟอลโลเวอร์สามารถลดลงจนขนลุกได้ภายในข้ามคืน สปอนเซอร์ถอนกันให้ควักเลยเธอ

แล้วเราแบนสินค้าได้หรือไม่?

คำถามนี้น่าสนใจนะคะเธอขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสินค้าไหนที่จะถูกแบนได้ราบคาบร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีดาราคนไหนจะหมดอนาคตทางการงานได้สิ้นเชิง หากตัวโปรดักส์ หรือความสามารถนักแสดงไม่บกพร่องด้วยตัวเองไปซะก่อน เราจึงสามารถเห็นโปรดักส์หลายตัว ดี๊ดี แต่ทัศนคติผู้บริหารแย่มาก นักแสดงบางคนทำการแสดงดี๊ดี เข้าถึงบทบาท แต่ตัดภาพมาการแสดงออกทางการเมือง ก็ป่วยใจอย่างไม่น่าเชื่อก็มี 

การแบนสินค้าที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับธุรกิจบันเทิง ละคร สื่อ จึงอาจจะไม่ใช่จุดแตกหัก หาทำกับชั้น ชั้นจะแบนเธอไม่เหลือนั้น คงเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติล่ะเธอ แต่หากเรามองในเลนส์ว่า นี่คือการแสดงสัญลักษณ์ การเคลื่อนไหวให้เห็นบางอย่าง ว่าการที่เธอพูดมันไม่โอเค มันทำให้ยอดติดตามเธอลดได้ มันทำให้ฉันย้ายความสนใจจากเธอไปได้ สินค้า บริการ หรือแม้แต่สื่อเอง อย่างน้อยที่สุด ก็จะได้รับผลกระทบ และมองเห็นเสียงที่กำลังส่งมาหาบางอย่าง เพื่อบีบให้ตัวเอง ได้ออกมาแถลง แก้ไข ปรับปรุง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาตัวเองให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้นในที่สุดล่ะเธอ

ความหาทำของสื่อ กับความหาทำของผู้เสพย์สื่อ ก็เหมือนคลื่นลูกใหญ่ซัดกันไปมา ในโลกที่ทุกอย่างออนไลน์ พวกเธอจงตั้งสติกันไว้ และหาดู หาใช้ หาเสพย์คนที่ให้คุณค่ากับเธอ เหมือนที่เธอให้คุณค่ากับเขาเช่นกันนะคะ

วิจารณญาณต้องมีจริงๆ ค่ะจุดนี้

 

เหยี่ยวเทย รายงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook