I’m Thinking of Ending Things: อวดฉลาดแต่ยังมีหัวใจ โดย ก้อง ฤทธิ์ดี
นี่น่าจะเป็นหนังที่พูดถึง เขียนถึง รีวิวถึง ยากที่สุดเรื่องหนึ่ง I’m Thinking of Ending Things หนัง Netflix เรื่องนี้เล่นเอาเสียงแตก บ้างบ่นว่าเบื่อเซ็ง บ้างว่าอ่อนโยนซึ้งใจ บ้างว่าซับซ้อนกว่า Tenet ที่แน่ๆ คือ นี่เป็นหนังที่ปั่นหัวคนดู แยกร่างตัวละคร บิดผันเวลาและความทรงจำ ไม่ประนีประนอมในการเขียนบท และปะปนกระแสสำนึกของศิลปินผู้สร้างเข้าตัวละครของเขา ว่าง่ายๆ คือไม่เอาใจคนดูกันเลย
ผู้เขียนเชื่อว่า I’m Thinking of Ending Things จะเป็นหนังที่ติดอันดับหนึ่งในหนังยอดเยี่ยมแห่งปีของแทบทุกสำนักอย่างไม่ต้องสงสัย (และเห็นด้วยเต็มที่)
ผู้กำกับและคนเขียนบทคือ ชาร์ลี คอฟแมน ชื่อนี่การันตีรอยหยักในสมองว่ามากมายมหาศาล คอฟแมนคือมือขียนบทที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด ด้วยหนังที่สร้างนวัตกรรมในการพาเรา “เข้าไปอยู่ในหัวของตัวละคร” หรือสร้าง “หนังที่สำนึกรู้ตัวว่าเป็นหนัง” ทั้ง Being John Malkovich, Adaptation และที่แฟนๆ ยังจำได้ดี Eternal Sunshine of the Spotless Mind ในฐานะผู้กำกับ คอฟแมนยิ่งไม่รามือในการสร้างโลกและโครงสร้างการเล่าเรื่องอันประหลาด ทั้งใน Synecdoche New York, Anomalisa และล่าสุด I’m Thinking of Ending Things
ส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนชอบสไตล์และความว้าวุ่นของบทของหนังคอฟแมน ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจรายละเอียดทุกอย่างก็ตาม ทั้งนี้เพราะไม่ว่าหนังของคอฟแมนจะซับซ้อนและตีลังกาสมองกลับหลายตลบเท่าใด (ท่านว่านี่คือ post modern แต่เอาเถอะ ไม่ต้องไปศัพท์แสงมากเกินงาม) แต่หนังของเขาล้วนว่าด้วยตัวละครที่มักต้องจัดการกับความล้มเหลวบางอย่างในชีวิต ความรู้สึกว่าไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ ไม่ฉลาดพอ ไม่รักพอ ไม่พยายามพอ ไม่เด็ดขาดพอ ความรู้สึกแบบ “ฉันไม่ดีพอ” ในหนังของคอฟแมน มักจะเกิดขึ้นกับตัวละครชายที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับศิลปะ (เช่นคนเขียนบท หรือผู้กำกับ) และความรู้สึกนี้มักจะโยงใยไปพัวพันกับเรื่องความรัก ความสัมพันธ์กับผู้หญิง นำไปสู่ภาวะความโศกเศร้า และการที่เรารับรู้ถึงข้อจำกัดอันน่าหดหู่ของการเป็นมนุษย์ ทั้งในเชิงความคิดและความรู้สึก
ที่น่าสนใจที่สุดคือ คอฟแมนเป็นผู้กำกับและคนเขียนบทที่พยายามจำลองการทำงานของสมองมนุษย์ ทั้งความคิด ความทรงจำ ความรู้สึก ออกมาในแบบที่เราคาดไม่ถึง เช่นใน Being John Malkovich เราสามารถเข้าไปอยู่ในสมองของจอห์น มัลโควิชได้จริงๆ (แบบเหมือนเข้าไปอยู่ในตึก ซึ่งตึกอยู่ในสมองคน อะไรแบบนั้น) ใน Adapatation นักเขียนที่กำลังกดดันเพราะไม่สามารถแปลงนิยายเป็นบทหนังได้ เขียนบทว่าด้วยความกดดันของตัวเองเป็นหนังเลย หรือ Synecdoche New York ผู้กำกับละครเวทีเฝ้ามองความล้มเหลวตลอดชีวิตของตัวเองที่จะสร้างละครเรื่องยิ่งใหญ่
ใน I’m Thinking of Ending Things คอฟแมนกำกับ และดัดแปลงบทจากนิยายชื่อเดียวกันของเอียน รีด (มีแปลเป็นไทยด้วย) และหากใครได้อ่านหนังสือ น่าจะพอจับต้นชนปลายได้ ถึงแม้ว่าคอฟแมนจะเล่นแร่แปรธาตุ ยอกย้อนและปรับโทนของหนังให้เป็นปริศนาภาพยนตร์ในแบบของเขาเอง เนื้อเรื่องในหนังเล่าได้จบภายในประโยคเดียว: หญิงสาวเดินทางด้วยรถไปกับแฟนหนุ่มที่ขับฝ่าพายุหิมะเพื่อไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาที่บ้านนอก แต่ที่น่าตกใจ น่าฉงน และสุดท้ายฉุดอารมณ์เศร้าเหงา มาจากรายละเอียดอันแปลกประหลาด เช่นการที่ชายหนุ่มเหมือนจะอ่านใจแฟนของตนได้ หรือการที่พ่อแม่ของเขา กลายร่างเป็นคนหนุ่ม คนแก่ สลับไปมาอย่างไร้คำอธิบาย หรือการที่ฝ่ายหญิงพูดเปลี่ยนไปมาว่าตนเองกำลังเรียนอะไร หรือทำงานอะไร (ทั้งนักฟิสิกส์ นักกวี จิตรกร) ก่อนที่สุดท้าย การเดินทางกลับด้วยรถฝ่าพายุหิมะที่ยังไม่หยุด จะพาตัวละครหลักทั้งสองกลับไปยังโรงเรียนมัธยมเก่าของฝ่ายชาย ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำทับซ้อน
หนังเรื่องนี้พูดเยอะ พูดๆ ๆ ๆ กันตลอด แต่ละฉากก็ยาวจนหลายคนอาจจะหมดความอดทน แต่สำหรับผู้เขียน หนังฉลาดมากในการตัดต่อ การสร้างความประหลาดใจ การแสดงที่เข้มข้น เข้าขา ของสองดารานำ เจสซี่ บัคลี่ และเจสซี่ พลีมอนส์ ที่สำคัญคือ หนังอ้างอิงคำพูด ฉาก และความจำจากสินค้าทางวัฒนธรรมอื่นๆ ทั้งจากหนัง จากบทวิจารณ์หนัง จากมิวสิคัล จากหนังสือ บทกวี ฯลฯ ราวกับจะบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดและพูด ล้วนมาจากคนอื่น มาจากสิ่งอื่นทังสิ้น ไม่มีใคร “เป็นตัวของตัวเอง” และตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นอาจเป็นเพียงสิ่งว่างเปล่าที่รองรับความคิดที่ถาโถมเข้ามาใส่เรา
I’m Thinking of Ending Things อาจจะไม่ได้ถูกโฉลกกับคนดูทุกคน หนังเรียกร้องให้คนดูต้องคิดตาม ต้องค่อยๆ ละเลียดรายละเอียดทางภาพ เสียง และบทพูด เพื่อรับรู้ถึงความลึ้กซึ้ง ความเปลี่ยวเหงา ความผิดหวัง และความหวังว่าพายุหิมะจะมีวันผ่านพ้นไป นี่จะเป็นหนังที่คนดูพูดถึงไปอีกนาน และผู้เขียนถึงกับอยากลุ้นให้ไปไกลถึงออสการ์สาขาใดสาขาหนึ่งด้วยซ้ำ
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ