[หนังบันดาลใจ]The High Note ฝันให้ไกลอย่าหยุดแค่ปลายโน้ต

[หนังบันดาลใจ]The High Note ฝันให้ไกลอย่าหยุดแค่ปลายโน้ต

[หนังบันดาลใจ]The High Note ฝันให้ไกลอย่าหยุดแค่ปลายโน้ต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ท่ามกลางยุคสมัยแห่งการแข่งขัน การจะกลายเป็นคนที่จะได้การยอมรับนับหน้าถือตาในสังคมเป็นเรื่องที่ยากเย็นเอาซะเหลือ โอกาสที่จะกลายเป็น “ใครสักคน” มากกว่า “ใครบางคน” นั้นต้องอาศัยมากกว่าแค่คำว่าความพยายาม

The High Note ถือเป็นหนังฟีลกู้ดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางช่วงเวลาที่โลกเต็มไปด้วยความหม่นเศร้าและผู้คนดูเหมือนจะไร้สิ้นหนทางในการก้าวเดิน อย่างที่เรารู้ๆกันว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจมากมายทั่วโลกเกิดการขาดทุน บ้างก็ล้มละลาย ผู้คนตกงาน ขาดรายได้และดูเหมือนปัญหานี้จะไม่สามารถคลี่คลายได้ในเร็ววันถ้าหากยังไม่สามารถหาวัคซีนมาเพื่อรักษาโรคนี้

ตัวหนังเล่าเรื่องราวของแมกกี้ (ดาโกตา จอห์นสัน) ผู้ช่วยดูแลศิลปินอย่างเกรซ เดวิส (เทรซี่ เอลลิส รอสส์) ศิลปินในระดับตำนานที่มีชื่อเสียงโด่ง เธอมีความสามารถด้านงานดนตรีเป็นเลิศ คว้ารางวัลแกรมมี่มาแล้วมากมาย และชื่อเสียงที่มากล้นทำให้เกรซเองก็มีอัตตาเรื่องชื่อเสียงของตัวเองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับแมกกี้เองถือว่าเป็นเด็กสาวสมัยใหม่ที่ขยันทำงานตัวเป็นเกลียว จนอาจจะกล่าวได้ว่าตัวเธอเองก็ทำงานหนักเกินตัว เพราะหน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวของศิลปินนั้น แทบจะเรียกได้ว่าต้องตื่นก่อนนอนทีหลังศิลปินอยู่เสมอๆ ถึงแม้ว่างานจะหนักจนเธอแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง  แต่แมกกี้ยังมีความฝันว่าสักวันเธอจะต้องเป็นโปรดิวเซอร์ในวงการเพลงให้ได้ เธอจึงมักใช้เวลาว่างมาอยู่ที่ห้องอัดเพลงกับเพื่อนสนิทอย่างเซทเพื่อฝึกปรือการทำเพลง และเพลงที่แมกกี้เลือกมาทำก็คือเพลงของเกรซ เดวิสนั่นแหละ

ตารางงานที่แน่นขนัดของเกรซ เดวิส ทำให้แมกกี้รู้สึกว่าขนาดต้องมาร่วมงานปาร์ตี้สนุกๆ เธอยังต้องทำงานตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งผู้จัดการของเกรซ แจ็ค โรเบิร์ตสัน (ไอซ์ คิวบ์)ได้เปรยถึงแผนการปรับอาชีพของเกรซ ด้วยการวางแผนให้เธอไปเปิดการแสดงแบบเรสซิเดนซี่ที่ลาสเวกัส ณ ซีซาร์พาเลส (การแสดงแบบโชว์ถาวรหลายร้อยโชว์แบบ บริทนีย์ สเปียร์หรือเซลีน ดิออน) แต่แมกกี้กลับรู้สึกว่าเกรซควรจะผลิตผลงานเพลงอัลบั้มใหม่ออกมามากกว่าจะหยุดอาชีพศิลปินของเธอให้เป็นแค่ตำนานที่ยังมีลมหายใจ

ถึงแจ็คจะเป็นผู้จัดการที่เฮี้ยบ เรื่องมาก เจ้ากี้เจ้าการ แม้เกรซอาจจะรู้สึกว่าการไปยุติผลงานเพลงที่เรสซิเดนซี่ ลาสเวกัส นั้นคือจุดสูงสุดของอาชีพนักร้อง โชว์แบบเดิมๆทุกโชว์ ได้ค่าตอบแทนมหาศาล มีชีวิตที่สบายแต่นั่นก็เหมือนไฟชีวิตของเธออาจจะค่อยๆมอดดับไป เพราะเกรซยังรู้ดีว่าเธอเองยังอยากออกทัวร์ไปทั่วประเทศและผลิตผลงานเพลงใหม่ๆออกมา

ระหว่างที่แมกกี้ใช้เวลาว่างในวันหยุดไปจ่ายตลาด เธอมีโอกาสได้พบกับเดวิด คลิฟฟ์ (เคลวิน แฮร์ริสัน จูเนียร์) หนุ่มผิวสีหน้าตาหล่อเหลา ที่สำคัญคือเขาเสียงดีเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมาร้องเพลงเปิดหมวก ระหว่างที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้านวงการเพลง ทั้งสองดูเหมือนจะถูกคอกันในทันที เขาเลยพยายามเชิญเธอมาร่วมงานปาร์ตี้ในสัปดาห์หน้า

วันหนึ่งระหว่างที่เกรซกำลังคุยเรื่องแผนการทำเพลงใหม่กับแจ็ค ด้วยการดึงตัวริชชี่ วิลเลียม (ดิพโล) ศิลปิน EDM เจ้าของรางวัลแกรมมี่มาทำเพลง “Bad Girl” เวอร์ชั่นใหม่ ทันทีที่เธอได้ฟัง เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่าการนำเสียงอิเล็กทรอนิกส์มาผสมเสียงใส่เข้าไปในงานของเธอคือความ “รก” และ “หนวกหู” แบบไม่อาจปฏิเสธ แมกกี้จึงพยายามนำเสนอเพลงที่เธอได้นำไปพยายามมิกซ์ ให้เกรซได้ฟังจนท้ายที่สุดเธอก็ประทับใจในผลงานของแมกกี้

ตัวเลือกของเกรซครั้งนี้เปรียบเสมือนการหักหน้าครั้งใหญ่กับแจ็ค ทั้งที่จริงแล้วเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าการทำเพลงแบบนั้นมันคือ “งานขยะ” แต่เขาพยายามสอนงานให้แมกกี้เข้าใจว่าบางครั้งมันก็ถือเป็นเรื่องของคอนเน็กชั่นในอนาคตที่การร่วมงานระหว่างศิลปินก็คือสายสัมพันธ์อันดีที่เกื้อหนุนกัน การที่แมกกี้หักหน้าริชชี่ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติและเป็นการขโมยลูกค้ากันแบบไม่ให้เกียรติแจ็คและยังเป็นการตัดโอกาสการร่วมงานกันในอนาคตระหว่างเกรซและริชชี่ด้วย

แมกกี้ถือเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรงและพยายามตะเกียกตะกายที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง แต่ระหว่างเส้นทางนั้นเห็นได้ชัดเลยว่ามันช่างขรุขระและไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายเลยสักนิดเดียว เฉกเช่นเหล่าคนรุ่นใหม่ในสังคมปัจจุบันที่ต้องกัดฟันสู้กับปัจจัยหลายๆอย่างในสังคม เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทอง และการได้รับการยอมรับจากคนอื่น การทำงานเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกแล้วสำหรับคนในยุคปัจจุบัน

ไม่เพียงเท่านั้นคนรุ่นเก่าก่อนหน้าก็ต้องอาศัยการปรับตัวที่หนักหนาไม่แพ้กัน เมื่อพวกเขารู้ว่าคลื่นลูกใหม่ที่กำลังเติบโตและกำลังเปลี่ยนโลกใบนี้ให้กลายเป็นยุคสมัยของพวกเขา จะมีหนทางไหนบ้างที่พวกเขาจะยังคงดำรงไว้ซึ่งการได้รับการยอมรับและมีพื้นที่ในการโลดแล่นผลงานต่อไป

The High Note จึงเป็นหนังที่พูดถึงผู้หญิงสองคนที่คนหนึ่งพยายามตะกายฝันไปให้ถึง กับผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในความฝันและแสงไฟมานานจนถึงจุดอิ่มตัวและกำลังหาเส้นทางบทใหม่ให้กับชีวิต และไม่ว่าในการตัดสินใจแบบไหนก็ตาม ทุกอย่างนำมาซึ่งบทเรียนชีวิตที่นำพาพวกเขาไปสู่ประสบการณ์ใหม่ๆที่ตัวพวกเธอเองไม่เคยคิดฝันมาก่อน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook