รีวิว The Boys in the Band ทัศนาประสาผองเพื่อนเกย์

รีวิว The Boys in the Band ทัศนาประสาผองเพื่อนเกย์

รีวิว The Boys in the Band ทัศนาประสาผองเพื่อนเกย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากบทละครเวที The Boys in the Band ซึ่งเคยเปิดแสดงครั้งแรกในปี 1968 ว่าด้วยกลุ่มผองเพื่อนเกย์ที่มารวมตัวกันในวันเกิดของฮาโรลด์ (แซคคารี ควินโต) ก่อนนำไปสู่สถานการณ์ดราม่าที่สะเทือนไปยังความสัมพันธ์ของพวกเขา

ความโดดเด่นของ The Boys in the Band ในเวอร์ชั่นรีเมคขึ้นสตรีมมิ่ง Netflix คือการที่หนังประกาศอย่างชัดเจนว่า นักแสดงในหนังเวอร์ชั่นนี้เป็นเกย์ทั้งหมดและประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงอย่างเปิดเผย ดังนั้นผลงานภาพยนตร์เวอร์ชั่นนี้จึงเปรียบเสมือนงานเฉลิมฉลองเพศสภาพของ LGBT ในยุคปัจจุบันที่ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังตัวเองและหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางมุมมืดของสังคมอีกต่อไป ซึ่งเป็นภาพตรงกันข้ามกับบรรดาตัวละครในเรื่องที่ต้องหลบซ่อนและอำพรางตัวเองในคราบของ “ผู้ชาย” ภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์ วิถีชีวิตที่ต้องแต่งงานมีภรรยาเพื่อใช้ชีวิตคู่เพื่อปิดบังตัวเองจากสังคม

ด้วยเหตุผลที่ว่า The Boys in the Band ถูกดัดแปลงมาจากละครประเภท off-Broadway (บทละครพูดอย่างเดียวไม่มีบทเพลงร้อง) ดังนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องจึงมีฉากหลังเกิดขึ้นแค่เพียงในห้องพักของไมเคิล (จิม พาร์สัน) ซึ่งถ้าเป็นคนที่ผ่านการดูละครเวทีประเภทบทละครดั้งเดิมมาแล้วอาจจะไม่ได้รู้สึกอึดอัด เนื่องจากแทบทั้งเรื่องหนังดำเนินเรื่องราวผ่านบทสนทนาของตัวละครภายใต้พื้นที่เดียว (หนังยังอาศัยช่วงต้นเรื่องในการพาผู้ชมไปลัดเลาะตามสถานที่ต่างๆรอบพื้นที่ห้องพักของไมเคิลบ้าง)

เรื่องราวของหนังเริ่มต้นขึ้นจริงๆตอนช่วงเวลาที่ผองเพื่อนเกย์มาร่วมฉลองวันเกิดในกับฮาโรลด์ แต่ไม่นานนักฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาและทำให้ไมเคิลตัดสินใจเสนอเกมโทรศัพท์เผยความในใจของแต่ละคน

ช่วงเวลาเล่นเกมโทรศัพท์ถือเป็นจุดพลิกผันสำคัญของตัวละครแต่ละตัวที่เผยให้เราได้เห็นแง่มุมอันหลากหลายของ “เกย์” ในอเมริกาช่วงปี 1950-1960 ที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางสังคมที่มองว่าการชอบเพศเดียวกันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เป็นตัวตลกของสังคม การเป็นคนผิวสีที่เป็นเกย์และยังเป็นคนฉลาดถือเป็นเรื่องผิดปกติ! เกย์ที่คบหาดูใจกับผู้ชายอีกคน กลับอยากจะไปมีเซ็กซ์กับผู้ชายอื่นโดยที่ปกปิดพฤติกรรมนั้นไว้เพียงเพราะไม่อยากให้คู่รักเป็นกังวล กระทั่งวิธีการแก้ปัญหาคู่รักนอกใจด้วยการเชิญบุคคลที่ 3 มา “มีอะไรกัน” แบบทรีซัม เป็นต้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานการกำกับของโจ แมนเทลโลเรื่องนี้สามารถกำกับนักแสดงให้นำเสนอจิตวิญญาณของ LGBT ออกมาได้อย่างทรงพลังและสมจริง แม้ประเด็นในเรื่องจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ แต่ The Boys in the Band คือหนังที่พาคนดูย้อนอดีตไปพบกับคนรุ่นก่อนหน้าเราว่าพวกเขาต้องเผชิญกับอะไรมาบ้างก่อนที่ เพศสภาพอันหลากหลายในปัจจุบันจะได้มีโอกาสเบ่งบานและได้ใช้ชีวิตในแบบที่มนุษย์คนหนึ่งต้องการจะเป็นแบบในทุกวันนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook