เสด็จแม่มาดอนนา เตรียมกำกับหนังชีวประวัติของตัวเอง
ราชินีแห่งวงการเพลงป๊อปอย่าง มาดอนนา เตรียมนั่งแท่นผู้กำกับหนังชีวประวัติของตัวเอง นอกจากนี้เธอเองยังจะร่วมเขียนบทภาพยนตร์อีกด้วย
มาดอนนาเผยว่าตอนนี้เธอกำลังทำงานกับมือเขียนบทระดับรางวัลออสการ์อย่างเดียโบล โคดี้ มือเขียนบทรางวัลออสการ์จากหนังเรื่อง Juno หนังเรื่องนี้จะบอกเล่าชีวประวัติการทำงานของเธอในวงการดนตรี อาชีพการงาน โดยมาดอนนาจะรับหน้าที่ทั้งกำกับและนั่งแท่นโปรดิวเซอร์
อันที่จริงยูนิเวอร์แซลสตูดิโอเคยมีความพยายามจะพัฒนาหนังชีวประวัติของมาดอนนามาแล้วภายใต้ชื่อหนัง Blonde Ambition ซึ่งจะอ้างอิงจากบทภาพยนตร์ของอลิเซ่ ฮอนแลนเดอร ซึ่งเหล่าบรรดาผู้บริหารสตูดิโอที่มีโอกาสได้อ่านบทภาพยนตร์ต่างก็ยกย่องบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ท่ามกลางความตกใจและไม่ค่อยพอใจของมาดอนนาที่โพสต์ข้อความลง Instagram ส่วนตัวว่า “ไม่มีใครรู้เรื่องราวที่ฉันรู้ เห็นในสิ่งที่ฉัน มีเพียงฉันที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ ใครก็ตามที่พยายามจะทำตัวว่าเป็นผู้รู้ หรือพยายามทำมาเป็นรู้ดีโดยปราศจากการลงมือทำจริง เค้าคนนั้นไม่ได้รู้จริงหรอก”
เมื่อกระแสตีกลับเช่นนั้นยิ่งทำให้สตูดิโออย่างยูนิเวอร์แซลไม่ได้ดันทุรังผลักดันหนังในเวอร์ชั่นนั้นออกมา ก่อนหน้านี้หนังชีวประวัติอย่าง Bohemian Rhapsody และ Rocketman ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ชมอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากศิลปินเจ้าของเรื่องอย่างวง Queen และ เอลตัน จอห์น และด้วยมุมมองเช่นนี้เองที่ทำให้ยูนิเวอร์แซลตัดสินใจไม่เอาบทภาพยนตร์ Blonde Ambition มาทำเป็นหนัง แต่ตัดสินใจที่จะชวนมาดอนนามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างหนังชีวประวัติของเธอเองซะเลยตอนนี้มาดอนนาจึงนั่งแท่นเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับเดียโบล โคดี้ และนั่งแท่นโปรดิวเซอร์ร่วมกับเอมี่ ปาสคาล
มาดอนนาถือเป็นศิลปินหญิงที่คว้ารางวัลมามากมายจากหลายสถาบันทางดนตรี ยังไม่ร่วมถึงการเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคม และยังเป็นไอคอนคนสำคัญแห่งยุคสมัยอีกทั้งเธอยังขึ้นแท่นศิลปินที่มียอดจำหน่ายเพลงมากกว่า 335 ล้านก็อปปี้ทั่วโลกและยังครองแชมป์ศิลปินหญิงเดี่ยวที่สามารถเปิดทัวร์คอนเสิร์ตและทำเงินรายได้จากการออกทัวร์สูงสุดตลอดกาลอีกด้วย (เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าราคาบัตรคอนเสิร์ตของมาดอนนาถือว่าแพงมหาโหดอยู่ไม่น้อย) เธอได้ขึ้นปกนิตยสารมากกว่า 4,700 ปก จากจำนวนนิตยสารทั่วโลก อีกทั้งเธอยังหลงใหลและเป็นกระบอกเสียงในการต่อสู้ทั้งแนวคิดสตรีนิยม การเมือง โดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ เธอต่อสู้เพื่อสิทธิของชาว LGBTQ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร พยายามต่อสู้เรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศ สนับสนุนองค์กรเด็กกำพร้ารวมไปถึงองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
มาดอนนายังกล่าวไว้ว่าในหนังของเธอนั้น “ฉันอยากจะถ่ายทอดชีวิตการเดินทางอันแสนเหลือเชื่อของตัวเองที่ทำให้ฉันได้กลายเป็นศิลปิน นักดนตรีและนักเต้น ที่ทำให้ฉันได้พยายามหาหนทางและเส้นทางเดินของตัวเองบนโลกใบนี้ โดยหนังเรื่องนี้จะเน้นหนักในส่วนของดนตรี เพราะดนตรีเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้ฉันสามารถก้าวต่อไป ทำให้ฉันมีลมหายใจ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่ถูกเล่าขานรวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ แต่ใครกันละที่จะเล่าเรื่องราวนั้นได้ดีเท่ากับตัวของฉันเอง มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่ฉันจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันแสนโลดโผนด้วยเสียงของฉันเองและวิสัยทัศน์ของฉันเอง
มาดอนนาอาจจะเป็นนักร้องที่โด่งดังและมีชื่อเสียงมาก ในวงการภาพยนตร์เธอก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบทจากหนังอาทิ Desperately Seeking Susan, Dick Tracy, A League of Their Own จนกระทั่ง Evita ที่เธอได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมบนเวทีลูกโลกทองคำ (แต่โดนเมินสนิทจากเวทีออสการ์) นอกจากนี้ในปี 1991 สารคดีเรื่อง Madonna: Truth or Dare เข้าฉายก็กลายเป็นหนังสารคดีที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลยาวนานจนถึงปี 2002 เมื่อมีหนังสารคดีเรื่อง Bowling for Columbine มาโค่นตำแหน่งไป
ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์มาดอนนามีผลงานการกำกับเรื่อง Filth and Wisdom ในปี 2008 ก่อนที่จะกำกับหนังรักโรแมนติก ดราม่าเรื่อง W.E. ในปี 2011 นำแสดงโดยแอ๊บบี้ คอร์นิช, ออสการ์ ไอแซคและแอนเดรีย ไรซ์โบโรค
อย่างไรก็ตามท่ามกลางการลุ้นอย่างตัวโก่งว่านักแสดงคนไหนกันที่จะก้าวเข้ามารับบทเป็นมาดอนนาในวัยสาว การที่มาดอนนากด Follow Instagram ของสองนักแสดงอย่างจูเลีย การ์เนอร์ และฟลอเรนซ์ ฟิวจ์ยิ่งทำให้แฟนเพลงและแฟนหนังคาดเดากันไปต่างๆนานาว่าหนึ่งในสองคนนี้อาจจะได้รับบทไป เอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟนคลับของราชินีเพลงป๊อปก็คงต้องลุ้นกันว่าใครจะมารับบทนี้ และหนังจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมฉายเมื่อไหร่ก็คงต้องตามมาดูกันต่อไป