กษัตริย์อยู่ภายใต้ซีรีส์ เรื่องดี เป็นไปได้ โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

กระแสการเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองก็ร้อนฉ่าไม่ไหว แต่ทว่าการพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นก็ไม่ได้มีแต่ในสนามการเมืองที่เข้มข้นนะเออ ในโลกของการทำสื่อ หนัง ละคร การพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เป็นอะไรที่เข้มข้นไม่แพ้กัน แถมยังมีความหลากหลายอยู่มากเลยล่ะ

มาค่ะ เทยก็ขอเมาท์เรื่องละครที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์กันซักหน่อย

ก่อนอื่นเทยก็คงต้องเท้าความกลับไปเป็นสีซีเปียอีกครั้ง ย้อนกลับไปสมัยช่วงปลายๆ สงครามโลกครั้งที่ 1 ใกล้ๆจะสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ะ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในโลกใบนี้ก็เริ่มระส่ำระสาย หลายๆ ประเทศความเจ้า ความยศอย่าง ของระบอบกษัตริย์ปกครองก็ล่มสลายลงหลายที่ ไล่มาตั้งแต่ปฏิวัติฝรั่งเศส ราชวงศ์รัสเซียล่ม จักรพรรดิจีนโดนโค่นล้มราชวงศ์ ก็คือว่าล้มระเนระนาดกันมากมาย และถูกทดแทนด้วยกระแสประชาธิปไตยใหม่ หรือรัฐสมัยใหม่นั่นเอง

พอโลกหมุนไปต่อ หลายๆประเทศเปลี่ยนระบบการปกครอง ระบอบกษัตริย์ ความราชวงศ์โอ่อ่า ความปกครองศูนย์รวม บูชาตัวบุคคล เริ่มกลายเป็นความแฟนตาซี กลายเป็นเรื่องที่สร้างความน่าสนใจ ถ้าจะถูกจับมาเล่าต่อกันมากมาย โดยเฉพาะการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของความเป็นมนุษย์ ที่มีดีมีเสีย แต่ถูกผูกขาดกับระบบการปกครอง การแย่งชิงอำนาจ จึงกลายเป็นเนื้อหาที่ซีรีส์ต่างประเทศ สนใจเอามาทำกันมากมายเหลือเกินเธอ

 

และก็อย่างที่เมาท์ไป ความระบอบกษัตริย์มันเก่า มันแฟนตาซี เพราะฉะนั้น มันก็มักจะถูกเอาไปเล่าพ่วงกับอะไรที่มันแฟนตาซี อย่างเช่น Games of Thrones ที่เป็นซีรีส์แนวช่วงชิงบัลลังก์และความสกปรกโสมมของอำนาจ ที่ออกอากาศยาวนานและเพิ่งจบไปในซีซั่น 6 นั้นเอง ความน่าสนใจของซีรีส์ระดับตำนานเรื่องนี้ ก็หนีไม่พ้นความอลังการของฉากรบที่ยิ่งใหญ่ การวิพากษ์ระบบกษัตริย์อย่างเผ็ดร้อน และแม่มังกรอันสง่างามนั่นเอง

จากความสำเร็จของ Games of Thrones ก็จะทำให้เราเห็นแล้วว่า ระบอบกษัตริย์ เกี่ยวกันกับการเมือง แม้แต่ในแว่นของความแฟนตาซี พวกนางก็ไม่อาจจะแยกมันออกจากกันได้ ดังนั้นประเทศที่ให้คุณค่าระบอบประชาธิปไตยที่ตรวจสอบได้ ก็มักจะเป็นซีรีส์แนวกษัตริย์ ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง การล้วงไปดูความสกปรกของราชวงศ์ การช่วงชิงอำนาจ รวมถึงความกดดันของการเป็นคนของประชาชน และต้องประพฤติตัวให้อยู่แต่ในกรอบ เช่น The Crown ที่ตีแผ่เรื่องราวในราชวงศ์อังกฤษออกมาอย่างถึงเครื่องเลยก็มีเช่นกัน

 

ไม่เพียงเท่านั้นนะเธอ ความระบอบกษัตริย์ที่ดูแฟนตาซีเนี่ย ยังถูกดัดแปลงให้มันแปลกตา เข้าถึงได้มากขึ้นไปอีก เพราะเมื่อเราตัดภาพมาในประเทศตะวันออก อย่างแถบเอเชียเรานี่ ระบอบกษัตริย์ในหลายประเทศก็ยังเข้มแข็งอยู่ และปรับตัวตามยุคสมัยได้อยู่เหมือนกัน ดังนั้นความแฟนตาซีของระบอบกษัตริย์กับชีวิตในปัจจุบัน จึงมีการเรียบเรียงใหม่ ให้เป็นอะไรที่ดูปัจจุบันมากขึ้นเข้าไปอีก หากเธอยังจำกันได้ กับซีรีส์เกาหลีที่เคยมาโด่งดังในบ้านเราอย่าง Princess Hour เจ้าหญิงวุ่นวาย กับเจ้าชายเย็นชา กับการสมมติเอาว่า หากราชวงศ์เกาหลี ยังอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แล้วเจ้าหญิงเจ้าชาย จะมีชีวิตวัยรุ่นยังไงในสังคมเกาหลี ก็กลายเป็นเรื่องรักโรแมนติก ที่วางเสมอกับเรื่องการวางตัว ภาพลักษณ์ของราชวงศ์ที่ต้องรักษาไว้ต่อหน้าสาธารณชน ลามไปถึงการบูลลี่กันในโรงเรียนเองก็ตาม

 

ซึ่งความเกาหลีอ่ะเธอ เธอก็ต้องยกให้เค้านะ เรื่องความครีเอทกับการเล่นเรื่องประเด็นเจ้าในสื่อซีรีส์ เพราะอย่างช่วงที่ผ่านมา ซีรีส์ที่ขึ้นหิ้งและกลายเป็นระดับตำนานใน Netflix อย่าง Kingdom ที่จับเอาประเด็นราชวงศ์ในสมัยก่อน มาพ่วงเข้ากับหนังซอมบี้ ก็ลงตัวไม่ไหว เมื่อองค์รัชทายาท ต้องปกป้องตัวเองและการโค่นล้มอำนาจของกลุ่มขุนนางที่ต้องการจะรวมอำนาจไว้ผ่านพระโอรสที่ยังไม่เกิด โดยใช้เชื้อโรคระบาดที่น่ากลัวของศพที่ลุกขึ้นเดินได้ ไว้เป็นตัวประกันนั่นเอง

 

ยังค่ะ ความโด่งดังของ Kingdom ที่สร้างต่อไปได้ถึง 2 ซีซั่น ก็ยังไม่หยุดทำให้เรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ที่ย้อนไปไกล ถูกแต่งเติมให้มีเรื่องอื่นเช่นเรื่องซอมบี้เข้ามาแทรกได้เหมือนกัน อย่างซีรีส์จากฝรั่งเศสเรื่อง la revolution ที่ก็หยิบจับเรื่องราวของการปฏิวัติฝรั่งเศส ในยุคที่ความคับแค้นของผู้คน นำไปสู่การ “ล้มเจ้า” เกิดขึ้น โดยใส่สัญญาเรื่องของโรคระบาดที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อของคนที่เลือดสีน้ำเงิน และเลือดสีแดง แต่ว่าเลือดสีน้ำเงิน กับกัดกินคนที่มีเลือดสีแดง ผ่านความเหลื่อมล้ำของชนชั้นอภิสิทธิ์ชน จนเด็กสาวที่เติบโตมาในสังคมที่คับแค้น ต้องลุกขึ้นมานำกองปฏิวัติ ก่อนชาติฝรั่งเศสจะล่มสลายไปมากกว่านี้นั่นเอง

 

ทั่วโลกเค้าไปเบอร์นี้แล้วนะเธอ แล้วไทยล่ะ เรามีอะไรเกี่ยวกับเจ้าบ้างไหมเอ่ย

การเล่าเรื่องเกี่ยวกับเจ้าในประเทศไทย เรามักจะย้อนกลับไปไกลในสมัยอยุธยาเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นวรรณกรรมขึ้นหิ้งอย่าง สายโลหิต, ฟ้าใหม่, หรือแม้แต่ บุพเพสันนิวาส ที่มักจะอ้างว่าเป็นละครที่อิงประวัติศาสตร์ แต่ก็หายากมากเหลือเกิน ที่จะนำเสนอในมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งความเข้มข้นของเนื้อหานั้น อาจจะมีบ้าง ที่กล้าวิพากษ์ความล้มเหลวของกษัตริย์ไว้ให้เห็นแต่ก็เป็นเงาจางๆ อาจจะเพราะเรากฎหมายที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ที่ค่อนข้างเข้มข้นแฝงอยู่

 

ในขณะที่ละครที่มาเล่าเรื่องในยุคใหม่ และมีเรื่องราวของกษัตริย์ที่ใกล้ตัวเราเข้ามาหน่อย ก็มีเพียงแค่ สี่แผ่นดิน หรือ ทวิภพ เท่านั้น แต่ตัวละครกษัตริย์ ก็ปรากฏเป็นตัวละครที่เป็นฉากหลัง ไม่ได้มีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของกษัตริย์องค์นั้นผ่านการตีความใหม่เลย

 

ส่วนในแว่นของความแฟนตาซี แน่นอนว่าละครจักษ์ๆ วงศ์ๆ ของบ้านเราก็ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม การพูดถึงการปกครองในอาณาจักรสมมติ ที่ก็มีบ้างที่ปรับมาเป็นละครสมัยใหม่ อย่าง ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน หรือ ดั่งดวงหฤทัย ก็ยังคงนำเสนอความรักที่โรแมนติกบนความอู้ฟู่ของราชวงศ์สมมติ แต่ก็ยังไม่มาทาบเสมอกับสังคมปัจจุบันเท่าไหร่นัก

 

หากการปฏิรูปสถาบันสำเร็จ ตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมในสถานการณ์การเมืองช่วงนี้มีทางออกที่ร่วมกันได้ทุกฝ่าย ก็เป็นไปได้มากว่าวงการสื่อ ละคร คอนเทนต์บ้านเรา อาจจะได้เปิดประตูบานใหม่ ของการทำซีรีส์ที่มีกษัตริย์อยู่ใต้การตีความของผู้กำกับรุ่นใหม่ และอาจจะกลายเป็นตลาดคอนเทนต์อันใหม่ที่น่าสนใจ โด่งดังไปทั่วโลกได้เหมือนซีรีส์แนวเดียวกันของประเทศอื่นๆ ก็ได้นะเออ

 

เหยี่ยวเทย รายงาน