ละครจากเรื่องจริง ที่เหลืออะไรจากเรื่องจริงบ้าง? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

ละครจากเรื่องจริง ที่เหลืออะไรจากเรื่องจริงบ้าง? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

ละครจากเรื่องจริง ที่เหลืออะไรจากเรื่องจริงบ้าง? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มานั่งๆ คิดแล้วนะคะคุณขา ชาวเราชาวเธอ ก็ต่างหาเสพย์ซีรีส์และละครกันมามากมาย ความสนุกสนานของละครหรือซีรีส์ในช่วงสมัยหนึ่ง คือการหยิบยกเรื่องจริงมาทำ และมันก็โอ้โห อร่อยไม่ไหว สัปดาห์นี้ เทยเลยอยากจะหยิบยกประเด็นความอร่อยของละครแนวสร้างมาจากเรื่องจริง มาตะมอยกันเสียงหน่อยค่ะคุณกิตติขา ว่ามันอะไรยังไงซิ

กาลครั้งหนึ่งนานมา เทยจะสาธยายแล้วค่ะ

เธอจำได้ใช่ไหม ย้อนกลับไป ละครในบ้านเราเกือบทั้งหมด หยิบยกมาจากวรรณกรรมขึ้นหิ้ง ของบรรดาแม่ๆ ทั้งหลายในวงการงานเขียน แต่แหมเธอจ๋า มันก็ไม่ใช่ทุกเล่มจะไปรอดล่ะถูกไหมล่ะ ก็ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำจนชีช้ำกะลำปลี เปลี่ยนยุคสมัยไป ก็ทำใหม่ที มันก็เกิดความเอือมระอา คนดูพอรู้ได้แล้วว่าเรื่องนี้เอามาทำใหม่แล้ว รู้แล้ว เดาได้ว่าจะจบแบบไหน มันก็เบื่ออ่ะเธอ

ตะนี้เมื่อตลาดคอนเทนต์มันเฝือ มันปุ๋ย การเสาะหาคอนเทนต์ที่อร่อยกว่า เผ็ดเพิ่มก็เริ่มเกิดขึ้น แล้วจะมีอะไรดีไปกว่าการเอาเรื่องที่กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของชาวละครล่ะคะ แน่นอนว่าแค่คิดก็อร่อยซู้ดปาก วงการละคร จะเกิดกองผู้จัดที่เริ่มหยิบยกเอาเรื่องราวที่เป็นเรื่องกึ่งจริงมาใช้

 สงครามนางฟ้าสงครามนางฟ้า

เริ่มต้นกันด้วย สงครามนางฟ้า ละครโทรทัศน์ที่ดัดแปลงจากวรรณกรรมทางอินเทอร์เน็ต ในชื่อ "ชีวิตรันทด เรื่องจริงผ่านคอม" ของ แอร์กี่ (นามปากกา) โดยนางว่านางเขียนขึ้นจากชีวิตจริงของตนเอง ซึ่งเคยเป็นแอร์โฮสเตสมาก่อน เพื่อจะสะท้อนให้เห็นเบื้องหลังของเหล่าบรรดาแอร์โฮสเตสและสจ๊วต ว่าเป็นอย่างไร และชื่อภาษาอังกฤษก็แซ่บ Battle of Angels หูยยยย

ความร้อนแรงของละครเรื่องนี้ก็เรื่องนึง การเชือดเฉือนอารมณ์ ความเจ้าชู้ อู้วอ้าของเรื่องละครก็เรื่องนึง แต่ความอร่อยของละครเรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าหลังจากละครที่ออนแอร์ออกไป กระแสของอินเตอร์เน็ตก็ทำงานทันที เริ่มมีแอคเคาท์ที่อ้างตัวว่าเป็นตัวจริงของเรื่องที่ละครนำเสนอ ออกมาพูดโจมตีเนื้อหาของละคร ว่าจริงๆแล้วเรื่องทางฝั่งของดิฉันคือแบบนี้ค่ะ แล้วก็ลากยาวมาหมดเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนกลายเป็นสงครามย่อมๆ ในอินเตอร์เน็ตด้วยเลยเธอ

แล้วเธอลองคิดดูนะว่า อินเตอร์เน็ตสมัยนั้นก็มีขีดจำกัดมากกว่าตอนนี้ เพราะฉะนั้นนักสืบชาวเน็ตก็สาวไส้กันอร่อยไม่ไหวเลยนะเออ

จากกระแสของสงครามนางฟ้า ทำให้เห็นว่ากระแสของคนดู ต้องการมีส่วนร่วมกับละครมากกว่าคอนเทนต์ที่จะเสพย์เพื่อความบันเทิงแล้วจบไป แต่เขาต้องการให้เนื้อเรื่องมีความเกี่ยวข้องกับตัวเขาเองมากขึ้น ลดความแฟนตาซีของเนื้อเรื่องที่เป็นคุณชาย ท่านเธอ หรืออะไรที่ไกลตัว แต่กลับเป็นเรื่องราวของคนใกล้ตัวที่จะเอาหูแนบรอเผือกได้ทันที

 

เป็นเรื่องจริง ที่เอามาทำให้ไม่จริง เพื่อให้คนดูได้กลับไปหาความจริงอีกที ซับซ้อนดีมะ

 

หรือเราจะแวะเวียนไปดูโปรเจ็คที่ขึ้นชื่อเรื่องการเอาเรื่องจริงมาต่อยอด อย่าง Club Friday The Series ที่คุมการผลิตโดยพี่ฉอด พี่อ้อย จากรายการวิทยุชื่อดังที่เริ่มต้นจากการโทรเข้าไปในรายการเพื่อเล่าปัญหาความรัก โดยมีพี่อ้อยและพี่ฉอดส่งน้ำเสียงนุ่มๆคอยให้คำปรึกษา คุณคะ ความรักต้องไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อนนะคะ ตั่งต่าง เรื่องบางเรื่องก็ชวนให้ตาลุกวาว โอ้โห ชีวิตแฟนรายการวิทยุนี่เค้าก็ดราม่าได้ถึงเครื่องดีเหลือเกินนะคะ 

Club Friday The SeriesClub Friday The Series

ความน่าสนใจของเรื่องจริงจาก Club Friday หากสังเกตกันดีดี จะมีอยู่สองประเด็นที่ถูกเล่าบ่อยๆ คือ การนอกใจ ต้องตกเป็นเมียน้อยอย่างไม่เต็มใจ กับประเด็นการลื่นไหลทางเพศ ของคนที่แต่งงานแล้ว แต่ดันไปมีสัมพันธ์กับเพศอื่นๆซ้อนไปอีก และเมื่อนำมาเป็นละคร ทางกองละครก็ออกตัวแล้วว่า ไม่ได้ใช้เรื่องจริงทั้งหมด ดัดแปลงแล้ว และไม่ได้ใช้ชื่อจริงของเจ้าของเรื่องแต่อย่างใด

แน่นอนว่าพอยุคสมัยเปลี่ยน ความอยากรู้อยากเห็นในโลกอินเตอร์เน็ต มีกำแพงของความลับลดลง และการเล่าเรื่องของตัวเองในรายการวิทยุก็เป็นคอนเทนต์อย่างนึง การมานั่งหาว่าเรื่องจริงต้นฉบับเป็นยังไง ก็หาได้เองจากการย้อนไปฟังเจ้าของเรื่องเล่าเอาเอง ดังนั้นตัวซีรีส์จึงไม่ต้องมีดราม่าตามมาแบบสมัยสงครามนางฟ้า แต่ทว่าก็จะเป็นความตาลุกวาวว่าโอ้โห ความสัมพันธ์ของคนในบ้านเมืองนี้ นี่เขาเป็นพิษกันถึงเบอร์นี้เลยเหรอคะเนี่ย

 

ยังไม่รวมว่าต้นเรื่องที่โทรมาเนี่ย มันจริงแค่ไหนด้วยนะเธอ

 ไดอารี่ ตุ๊ดส์ซี่ไดอารี่ ตุ๊ดส์ซี่

แต่ว่าบาป ใครสนคะ เพราะในยุคหลังๆที่ผ่านมา เรื่องจริงที่ถูกแต่งเติมให้แฟนตาซี เคลม ออกตัวเลยว่าเป็นเรื่องราวที่มาจากความจริงอย่าง ไดอารี่ ตุ๊ดส์ซี่ ที่ก็โด่งดังจนสามารถต่อยอดได้ถึง 2 ซีซั่น และ 1 ภาพยนตร์ ก็มาจากหนังสือบันทึกของตุ๊ด ที่หยิบเอาเรื่องราวของกะเทยกรุงเทพ สังคมตุ๊ดไทย มาร้อยเรื่อง ให้กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน หยิบยืมคาแรกเตอร์ กึ่งจริง กึ่งเรื่องจ้อของกะเทย ให้กลายเป็นซีรีส์ขึ้นมา

แน่นอนค่ะ เค้าว่ากันว่ากะเทยพูดให้หารล้าน เรื่องที่เล่ามานี่ “ช่าป้ะ” แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันตรงกับจริตและรสนิยมคนไทย ที่มักจะสนุกกับการได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่จริง การเชื่อว่าความเหนือจริง เป็นเรื่องที่จริง ดูเหมือนจะกลายเป็นธรรมชาติของคนไทยไปแล้วก็ว่าได้

  The Crown The Crown

ในขณะที่ซีรีส์ในต่างประเทศ ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริง มักจะประกอบร่างขึ้นจากแนวคิดแบบ Based On True Story หรือ ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากเรื่องจริง เพราะฉะนั้น เมื่อแปะหน้ามาก่อนแล้วว่า เป็นเพียงการได้รับแรงบันดาลใจ เพราะฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องทึกทักเอาว่าเป็นเรื่องจริงไปซะทั้งหมด ดังเช่นซีรีส์เรื่อง The Crown ที่พูดถึงราชวงศ์อังกฤษ ที่ก็ยังมีตัวตนอยู่ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งเติมมาเท่านั้น

 เลือดข้นคนจาง เลือดข้นคนจาง

ซึ่งซีรีส์แนวพัฒนามาจากเหตุการณ์จริง แต่ไม่ได้เคลมว่าเป็นเรื่องจริง อย่าง เลือดข้นคนจาง ที่ว่ากันว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากข่าวฆาตกรรมของตระกูลห้างทอง ก็ถูกตั้งคำถาม ถามถึงกันมากมาย ว่าจริงๆแล้ว ใช่ไหมเธอ เธอทำมาจากเรื่องนี้ใช่หรือไม่พูด

อย่างไรก็ตาม เรื่องจริง หรือความจริง เป็นมุมมองที่เกิดขึ้นจากผู้ที่เล่าเหตุการณ์นั้นเท่านั้น นั่นหมายถึงว่า หากเราอยากจะเข้ามีส่วนร่วม อยากรู้อยากเห็นให้จริง เราก็ควรจะเลือกเสพย์ข้อมูลจากหลายฝ่าย แล้วเอามาประกอบกัน เพื่อประเมินสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่ถ้าหากเราเสพย์แต่เรื่องที่เขาปรุงแต่งมา สร้างมาให้เราเห็น เราก็ควรจะมีวิจารณญานก่อนเลยว่า นั่นเป็นสื่อ เป็นการแสดง เป็นลูกเล่นทางสื่อเท่านั้น

 

เทยเชื่อว่าคนไม่มีใครเชื่อว่าละครจากเรื่องจริง คือความจริงทั้งหมดหรอกเนอะ คงไม่มีใครสิ้นสติถึงขนาดนั้นแหละ

 

เหยี่ยวเทย รายงาน

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ ละครจากเรื่องจริง ที่เหลืออะไรจากเรื่องจริงบ้าง? โดย แอดมินเพจกะเทยนิวส์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook