จับตาออสการ์ 2021 วันใหม่ กฎใหม่ ทัศนคติใหม่? โดย ก้อง ฤทธิ์ดี
สิ้นปี 2020 เตรียมรับ 2021 และนับถอยหลังสำหรับงานประกาศรางวัลออสการ์ รางวัลภาพยนตร์ที่มีผู้จับตาและเป็นตัวกำหนดรสนิยมคนดูหนังทั้งโลกมากที่สุด ด้วยสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ออสการ์ปีหน้านี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ลองมาสรุปกันว่าเราจะเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบ้าง
- วันจัดงานตอนนี้ถูกกำหนดไว้ที่ 25 เมษายน 2021 ออสการ์ในเดือนเมษา! ปกติแล้วออสการ์จะจัดปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือช้าสุดคือต้นมีนาคม แต่ด้วยเพราะสถานการณ์โควิด-19 ฮอลลีวูดตัดสินใจเลื่อนงานออกไปสองเดือน แต่ยังคงจัดเป็นงานจริงๆ ตัวเป็นๆ คือไม่ใช่งานออนไลน์ (คงพิลึกน่าดูถ้าทำแบบนั้น) น่าจับตาว่าจะมีแฟชั่นพรมแดงแบบเปิดหลังเปิดไหล่แต่ใส่หน้ากากให้คนดูฮือฮาหรือเปล่า
- ต่อเนื่องจากข้อแรก เพราะอะไรถึงต้องเลื่อนวันจัดงาน? ปกติแล้วหนังที่มีสิทธิ์เข้าชิงออสการ์ในสาขาต่างๆ ต้องเป็นหนังที่ออกฉายในอเมริกาก่อนวันที่ 31 ธันวาคมของปีก่อนหน้า เช่นงานปี 2020 หนังก็ต้องออกฉายก่อนวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2019 แต่เพราะหนังจำนวนมากไม่ได้ออกฉายเพราะโรงปิด ต้องเลื่อนโปรแกรมกันวุ่นวาย หรือไม่ก็ต้องเอาหนังลงสตรีมมิ่ง ดังนั้นออสการ์จึงเลื่อนวันกำหนดที่หนังต้องออกฉายและยังคงมีสิทธิ์เข้าชิงในปี 2021 เป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2021 หมายความว่า หนังเต็งออสการ์ทั้งหลายที่ปกติจะแห่กันลงโรงในเดือนธันวาคม จะยกโขยงไปเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแทน (ถ้าทุกอย่างไม่เลวร้ายลงจนต้องเลื่อนอีกครั้งนะ)
- ข้อนี้สำคัญที่สุด และเป็นข้อที่ต้องดูกันยาวๆ ว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคตหรือไม่ ปกติแล้ว หนังที่จะเข้าชิงออสการ์ได้ต้องเป็นหนังฉายโรงเท่านั้น และมีกฎว่าต้องเข้าฉายในโรงที่ลอสแองเจลิสอย่างน้อย 7 วัน (คือเข้าฉายในโรงเล็กๆ ในเมืองเล็กๆ ก็ไม่มีสิทธิ์) แต่ในปีนี้ เพราะเหตุที่โรงหนังต้องปิดม่านปิดจอลงเป็นเวลาหลายเดือน แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เปิดทั้งหมด และคนดูจำนวนมากดูหนังได้แต่เพียงจากช่องสตรีมมิ่ง ดังนั้นออสการ์จึงผ่อนผันให้ หนังสตรีมมิ่ง (จะเป็น Netflix, Amazon, HBO หรืออะไรก็ตาม) สามารถเข้าชิงออสการ์ได้ โดยมีข้อแม้ว่า หนังเรื่องนั้นๆ ต้องเคยมีแผนจะออกฉายในโรงปกติและจำต้องย้ายไปฉายในสตรีมมิ่งเพราะโควิด (คือถ้าเป็นหนังที่ไม่ได้มีแผนจเข้าโรงแต่ต้นก็ไม่เข้าข่าย) ที่ว่าข้อนี้สำคัญก็เพราะความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่าง ”หนังโรง” กับ “หนังสตรีม” ที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู เป็นทั้งการพึ่งพาและการแข่งขันกัน ต่างพัวพันกับเกียรติและศักดิ์ศรีที่มีออสการ์เป็นมาตรวัด การที่ออสการ์ยอมให้หนังสตรีมมิ่งเข้าชิงรางวัลได้ แม้จะด้วยเพราะสถานการณ์คับขันของปีนี้ก็ตามที ทำให้การถกเถียงว่าหนังจอเล็กสมควรได้รับการยกย่องและมีคุณค่าทางศิลปะเท่าหนังจอใหญ่หรือไม่ จะกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง
- ข้อนี้ถูกประกาศออกมาหลายเดือนก่อนหน้านี้และมีคนวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางไปก่อนแล้ว อีกทั้งยังไม่เกี่ยวกับสภาวะโรคระบาด กล่าวคือ ตั้งแต่ปี 2024 (คือไม่ใช่ปีหน้า) ออสการ์จะพิจารณากฎเกณฑ์หนังที่มีสิทธิ์เข้ารอบด้วยเกณฑ์ความหลากหลายทางเพศและเชื้อชาติ โดยหนังที่จะเข้าชิง Best Picture ต้องผ่านเกณฑ์ว่าด้วยการมีทีมงานทั้งในกองถ่ายและทีมจากบริษัท (เช่นผู้บริหาร ฝ่ายการตลาด ฝ่ายประชาสัมพันธ์) ที่เป็นผู้หญิง หรือ LGBTQ หรือเป็นคนกลุ่มน้อย (หมายถึงไม่ใช่ผิวชาว) ตามสัดส่วนที่กำหนดไว้ เนื้อหาและรายละเอียดของกฎใหม่นี้มีมากมายซึ่งคงจะมีโอกาสได้เล่ากันยาว ๆ ในโอกาสต่อไป เห็นได้ชัดการปรับตัวของออสการ์ ซึ่งจะมีผลในอีก 4 ปีข้างหน้า ก็เพื่อแสดงออกว่างานนี้ “ไม่ใช่งานคนขาว” อย่างที่ถูกครหามานับสิบปี แน่นอนว่ามีเสียงบ่นกันขรมว่าออสการ์ตามกระแส woke หรือ ”การตื่นรู้” และว่าหนังจะดีหรือไม่ดีก็ควรว่ากันไปตามเนื้อผ้า ไม่ใช่ไปดูเรื่องความหลากหลาย ในขณะเดียวกัน การที่ออสการ์จะบังคับใช้กฎนี้ในอีก 4 ปีข้างหน้า ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นความพยายามปรับฐานโครงสร้างของฮอลลีวูดในระยะยาว ไม่ให้งานดีๆ กระจุกตัวอยุ่ที่คนบางกลุ่มอย่างที่เคยเป็นมา และสร้างความตื่นตัวทางความคิดในฐานะอุตสาหกรรมบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ