รีวิว Monster Hunter คู่หูคู่ฮา ท่ามกลางหนังบ้งๆ

รีวิว Monster Hunter คู่หูคู่ฮา ท่ามกลางหนังบ้งๆ

รีวิว Monster Hunter คู่หูคู่ฮา ท่ามกลางหนังบ้งๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 บ้ง (คำกริยาวิเศษณ์) ศัพท์วัยรุ่น ที่มีความหมายในเชิงลบอันแปลว่า ไม่ดี ไม่ได้เรื่อง

ต้องยอมรับว่าผู้กำกับพอล ดับเบิ้ลยูเอส แอนเดอร์สันเป็นคนที่ทำหนังดูสนุกมาตั้งแต่เข้าวงการ ซึ่งถ้าหากเราย้อนกลับไปดูผลงานในยุคแรกๆ อาทิ Mortal Kombat, Event Horizon หรือ Resident Evil จะพบว่าหนังเหล่านี้เป็นหนังที่ดูสนุก บันเทิง แต่คำวิจารณ์จะค่อนข้างสวนทางกับเสียงตอบรับจากผู้ชม เมื่อวิเคราะห์ลงไปแล้วจะพบว่าหนังของพอลนั้น เป็นหนังที่สร้างมาเพื่อความบันเทิงล้วนๆ โดยไม่สนใจตรรกะ หรือการสร้างมิติให้กับตัวละครเท่าที่ควร ส่งผลให้สถานภาพของตัวละครเหล่านี้แบนราบเป็นหน้ากระดาษ เช่นเดียวกัน เราจะว่าบรรดาตัวละครสมทบในหนังเรื่อง Monster Hunter ถูกโยนใส่เข้ามาเพื่อให้บรรดาเหล่าสัตว์ประหลาดสังหารตาย โดยที่เรายังไม่ทันจดจำชื่อหรือหน้าตาของตัวละครเหล่านี้ได้เลยด้วยซ้ำ

อันที่จริงวิธีการใช้ตัวละครอย่างร้อยโทอาร์เทมิส (มิลลา โจโววิช) เป็นตัวละครที่เหมือนเป็นตัวแทนของผู้ชมที่ถูกดูดเข้าไปในโลกคู่ขนานจักรวาลมอนสเตอร์ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ดีในการปูเรื่องราวทีดี ปัญหาอยู่ที่ว่า วิธีการออกแบบตัวละครมนุษย์ในหนังเรื่องนี้ ยิ่งดูเราก็ยิ่งพบว่าร้อยโทอาร์เทมิสก็มีสถานภาพที่ไม่มีอะไรแตกต่างจาก “อลิซ” ใน Resident Evil เลยสักนิด (หนังเหนียวตายยาก รถคว่ำ โดนระเบิดนาปาล์มกระแทกนู่นนี่นั่น แต่ยังไม่มีอะไรหัก! มีแค่ เนื้อฉีก!)

อย่างไรก็ตาม กล่าวไปแล้วข้างต้นว่ายิ่งเล่า หนังก็ยิ่งบ้ง ดังนั้นเมื่อเราเริ่มทำใจรับกับตรรกะเพี้ยนๆของหนังได้ เราจะพบว่า การเข้าคู่กันระหว่างมิลลา โจโววิชและโทนี่ จา  น่าจะถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดใน Monster Hunter ที่เหมือนว่าทั้งสองคนจะเคมีเข้าขากันมากและลงตัวเหลือเกินในฐานะ “คู่หู คู่ฮา”

น่าเสียดายอยู่นิดที่เรากลับรู้สึกว่าบรรดาฉากปะทะกับเหล่ามอนสเตอร์นั้นไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไหร่ ฉากที่ดีที่สุดของเรื่องน่าจะอยู่ในช่วงแรกๆที่นางเอกและทีม ต้องเผชิญกับเนิร์สซิลลา ที่มีลักษณะคล้ายกับแมงมุม ก่อนที่เธอจะโดนจับตัวไปอยู่ในรังของพวกมัน ซึ่งในฉากการหนีเอาตัวรอดพาร์ทนี้ มีกลิ่นอายของหนังสยองขวัญ ไซไฟอย่าง Alien มาเต็มๆ

น่าเสียดายที่พิจารณาภาพรวมของ Monster Hunter เองแล้ว ก็ยังดูไม่ค่อยจะ “บันเทิง” เท่าที่ควร เมื่อเราหวนกลับไปเทียบกับผลงานเรื่องก่อนๆของผู้กำกับ อย่างเช่น Resident Evil: The Final Chapter ที่ว่าเลอะเทอะแล้ว หนังเรื่องนี้ยังน่าผิดหวังกว่าด้วยประการทั้งปวง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook