รีวิว We Can Be Heroes หนังเด็ก ผู้ใหญ่ดูสนุกตามประสางานโรเบิร์ต รอดดิเกซ
ทีมฮีโร่อิกส์ คือกลุ่มยอดมนุษย์ที่มีหน้าที่ในการปกป้องโลกใบนี้จากการถูกภัยคุกคาม จนกระทั่งการโจมตีครั้งล่าสุดของเหล่าเอเลี่ยนนอกโลก เหล่าฮีโร่อิกส์พ่ายแพ้และถูกจับไปเป็นตัวประกันบนยานอวกาศนอกโลก บรรดาลูกๆของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่จึงต้องหาทางช่วยเหลือพ่อแม่ของพวกเขาให้ได้
สไตล์ของ We Can Be Heroes ถือเป็นการนำเสนอแบบเฉพาะตัวของผู้กำกับโรเบิร์ต รอดดิเกซ ที่เน้นการออกแบบฉากหลังให้มีลักษณะคล้ายกับตัวละครเล่นอยู่กับสวนสนุกสำหรับเด็กที่อยู่ตามในห้างสรรพสินค้า เช่น บ้านบอล รถยานอวกาศ ที่จะมีสีสันฉูดฉาดบาดตา มีลักษณะเหนือจริง ประกอบกับการที่เหล่านักแสดงต้องเล่นอยู่บนกรีนสกรีน ก็จะทำให้คนดูหนังยุคนี้มองว่ามันเป็นงาน CGI ที่ดูห่วยแตก ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในผลงานเก่าๆ ตั้งแต่ Spy Kids ในปี 2001 ที่มีฉากหลังเป็นเช่นนี้ เราก็จะมอง We Can Be Heroes ว่ามันเป็นสไตล์เฉพาะตัวของผู้กำกับ
แม้เนื้อเรื่องที่อาจจะดูไม่มีอะไร แต่หนังเด็กของผู้กำกับโรเบิร์ต รอดดิเกซ มักจะพูดถึงประเด็นสายสัมพันธ์ของครอบครัว เราจะได้เห็นตัวละคร พ่อ แม่ ลูก รวมไปถึงญาติพี่น้อง ปรากฏตัวอยู่ในเรื่องราวอย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายลง หนังของเขามักจะทำให้คนดูได้เห็นอยู่เสมอว่า สถาบันครอบครัวนั้นมีผลอย่างไรต่อบรรดาลูกหลานอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ผลงานสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนใน We Can Be Heroes ทำให้เรานึกย้อนไปถึงหนังสยองขวัญ ระทึกขวัญอย่าง The Faculty ที่ว่าด้วยเอเลี่ยนมาสิงร่างมนุษย์ในโรงเรียนด้วยการใช้น้ำเป็นพาหะในการแพร่เชื้ออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
สาระสำคัญที่ดีที่สุดที่ We Can Be Heroes พยายามพูดถึงคือการสร้างความมั่นใจและสร้างทัศนคติที่ดีให้กับเด็กๆที่กำลังรับชมหนังเรื่องนี้ว่า การที่พวกเขาจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่นั้น ความกล้าหาญ ความมั่นใจ และการรักในสิ่งที่ตัวเป็นนั้น เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเด็กในวันนี้จะต้องเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่เก่งกว่า ดีกว่าและสามารถช่วยเหลือโลกใบนี้ให้ดีขึ้นได้
แม้ว่าหนังจะเลือกหักมุมให้คนดูเหวออยู่เล็กๆ (และอาจจะฟังดูไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่) แต่มันก็พอจะช่วยสนับสนุนสาระสำคัญของเรื่องได้อย่างชัดเจน และทำให้คนดูมองเห็นว่า การให้ความสำคัญกับเด็กนั้นเป็นเรื่องจำเป็นทั่วจักรวาลจริงๆ