Locked Down ล็อคดาวน์ต้องปล้น! และภาคต่อ Contagion มาแน่!

Locked Down ล็อคดาวน์ต้องปล้น! และภาคต่อ Contagion มาแน่!

Locked Down ล็อคดาวน์ต้องปล้น! และภาคต่อ Contagion มาแน่!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ผลงานการกำกับการแสดงของดั๊ก ไลแมน ซึ่งหนังเรื่อง Locked Down จะออกฉายทางสตรีมมิ่ง HBO Max โดยหยิบเอาสถานการณ์ปัจจุบันที่ว่าด้วยการใช้ชีวิตท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโคโรน่ากำลังระบาดอยู่ทั่วโลก และการล็อคดาวน์ในประเทศอังกฤษมาเป็นฉากหลัง ซึ่งนำแสดงโดยแอนน์ แฮทธาเวย์และชิเวเทล เอจิโอฟอร์ ในบทของลินดาและแพกซ์ตันตามลำดับ โดยเรื่องราวบอกเล่าถึงสองสามีภรรยาที่ต้องแยกบ้านกันอยู่ชั่วคราวหลังจากที่ไวรัสระบาด และทางการมีคำสั่งล็อคดาวน์ ทั้งสองต้องติดต่อกันผ่านทางโซเชียลมีเดีย จนกระทั่งทั้งสองก็เกิดไอเดียว่าระหว่างสถานการณ์นี้พวกเขาอาจจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ เพราะเครื่องประดับในห้างแฮร์รอดส์ปราศจากการดูแลที่เข้มงวดแบบสภาวะปกติ แต่ถึงอย่างนั้นภารกิจปล้นครั้งนี้ก็ดูไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ในการทำภารกิจนี้

แม้สื่อนอกจะมีกระแสตีกลับว่า ไม่ค่อยโอเคกับตัวอย่างหนังสักเท่าไหร่ เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสระบาดนั้นสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก แต่หนังอย่าง Locked Down หยิบเอาประเด็นซีเรียสมาทำให้เป็นเรื่องตลกร้าย หรือแม้กระทั่งนำเสนอคู่สามีภรรยาที่พยายามเยียวยาชีวิตคู่อันล้มเหลวของตัวเองผ่านการปล้น! อย่างไรก็ตามตัวผู้กำกับอย่างดั๊ก ไลแมนก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อต่างประเทศว่า “ผมแค่อยากจะสร้างหนังที่มีฉากหลังเป็นสถานการณ์ตอนนี้ และต้องให้ความบันเทิง ตื่นเต้น กับผู้ชมครับ”

นอกจากสองดาราดังอย่างแอนน์ แฮทธาเวย์และชิเวเทล เอจิโอฟอร์แล้ว ยังได้นักแสดงสมทบอาทิ เบน คิงสลีย์, เบน สติลเลอร์, ลูซี่ บอยน์ตัน, สตีเฟ่น เมอร์ชานท์, ดูเลย์ ฮิลล์ โดย Locked Down ถือเป็นหนังทุนต่ำที่ใช้งบประมาณในการสร้างแค่เพียง 10 ล้านเหรียญเท่านั้น และใช้ช่วงเวลาในการถ่ายทำสั้นเพียง 4 เดือนเท่านั้น มีกำหนดลงสตรีมมิ่ง HBO Max 14 มกราคมนี้

 

Contagion ภาคต่อสุดสะพรึงของหนังไวรัสระบาดมาแน่นอน

 

แม้ Contagion จะไม่ได้เป็นหนังที่สร้างกระแสฮือฮาในช่วงเวลาที่หนังออกฉายตอนปี 2011 นัก แต่หลังจากที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่า หนังเรื่องนี้ก็กลับได้รับการนำมาดูซ้ำและถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา ยอดการเปิดรับชมทางสตรีมมิ่งสูงขึ้น ยังไม่รวมไปถึงชื่อของ Contagion ยังได้รับการค้นหาทาง Google จนติดอันดับในปีที่ผ่านมาอีกด้วย

ทางผู้กำกับอย่างสตีเวน โซเดอร์เบิร์กยังมีการแย้มออกมาตอนที่เข้าได้พูดคุยกับรายการพ็อดแคสต์อย่าง Happy Sad Confused ด้วยว่า หนังเรื่องนี้กำลังจะมีภาคต่อออกมา แต่จะเป็นภาคต่อในแง่เชิงปรัชญา ซึ่งตอนนี้กำลังมีมีการพัฒนาบทอยู่กับสก็อต ซี เบิร์นส์ ซึ่งสิ่งที่จะปรากฏอยู่ในหนังภาคใหม่นี้เป็นการพูดถึงเรื่องราวของไวรัสในบริบทที่แตกต่างกันออกไป อาจจะมีความคล้ายคลึงกันก็จริง แต่มันคงไม่ใช่ภาคต่อแบบซีเควนซ์ (เรื่องที่ต่อเนื่องกัน) ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในส่วนของหนังภาคแรกแล้ว หนังได้รับแรงบันดาลใจมาจากการระบาดของไวรัสซาร์ส ก่อนที่จะถูกดัดแปลงเป็นไวรัสที่น่ากลัวแบบในหนังเรื่องนี้

สิ่งที่หนัง Contagion ได้ถ่ายทอดออกมานั้นเป็นเหมือนคำทำนายล่วงหน้าของสถานการณ์ไวรัสระบาดในปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่หนังออกฉายในโรงภาพยนตร์นั้น บรรดานักวิจารณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังเรื่องนี้ให้ประสบการณ์หลอนหลังจากที่รับชมแล้ว การเห็นคนอื่นจามและไอกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าหวาดผวาไม่ต่างอะไรจากการเห็นผี แต่นี่คือผีร้ายที่เรามองไม่เห็น

ฉากใน Contagion ยังปรากฏเหตุการณ์บ้านเมืองที่ปราศจากผู้คนเพราะไวรัสระบาดและทำให้คนเกิดการตื่นกลัว ก่อนที่สถานการณ์จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่อาจจะควบคุมสถานการณ์ได้ โดยในหนังนั้นมีนักแสดงชื่อดังตบเท้าเข้ามาร่วมแสดงกันอย่างมากมาย หนึ่งในนั้นคือสาวกวินเนธ พัลโทรว์ที่ผู้ชมคาดว่าเธอจะต้องมีบทบาทที่โดดเด่น แต่กลายเป็นว่า เธอมีเวลาอยู่บนจอเพียงไม่กี่นาที ก่อนที่ไวรัสมรณะในเรื่องจะคร่าชีวิตเธออย่างเลือดเย็นและน่ากลัว

สิ่งสำคัญที่หนังอย่าง Contagion ได้ให้แนวทางของสถานการณ์ไวรัสระบาดได้อย่างสมจริงและไม่เว่อร์นัก คือหนังได้จำลองกระบวนการทางสาธารณะสุข อาทิ การค้นหาตัวผู้ป่วยอย่างเร่งด่วน การกักกันพื้นที่ การเรียนรู้ว่าถ้าหากตัวเองเกิดติดเชื้อ ทำไมจึงต้องมีการกักตัว สวมหน้ากากอนามัย เพื่อไม่ให้เป็นการแพร่เชื้อโรคออกไปในวงกว้างกว่าเดิม ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณการทำการบ้านอย่างละเอียดของมือเขียนบท สก็อต ซี เบิร์นส์ ที่มีเพื่อนเป็นหมออย่าง ดับเบิ้ลยู แลน ลิปสกิ้น และคุณหมดแลร์รี่ บรินเลี่ยน ในการให้คำปรึกษาเรื่องสถานการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นนั่นเอง

ต้องรอกันต่อไปว่า Contagion ภาคใหม่นี้จะทำนายอนาคตยังไงต่อไป คงต้องรอกันอีกสักระยะเลยทีเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook