Wish You ซีรีส์วายเกาหลี ที่ถูกมัดรวมเป็นหนัง 1 เรื่อง
ไม่แน่ใจว่าความตั้งใจเดิมของตัวผู้กำกับอยากจะเล่าเรื่องราวใน Wish You: Your Melody From My Heart มาในรูปแบบของภาพยนตร์หรือเปล่า เพราะเมื่อเราได้ชมเวอร์ชั่นยาวๆ ราวกับหนัง 1 เรื่องทาง Netflix เราจะพบว่าวิธีการนำเสนอเรื่องราวของสองตัวละครอย่าง อินซู (คังอินซู) และ อีซัง (อีซัง) ถูกพัฒนาไปรวดเร็วราวกับจรวด
Wish You: Your Melody From My Heart เล่าเรื่องราวของ อินซูนักร้องเพลงแบบเปิดหมวกริมถนน ด้วยเอกลักษณ์ หน้าตาและเสียงร้องที่ไพเราะจับใจ ซึ่งเขามีเพื่อนสนิทอย่าง มินซอง (แพ็คซอบิน) ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท แฟนคลับคนแรก ผู้จัดการส่วนตัว ไปถึงตากล้องคนบันทึกภาพลง Youtube จนกระทั่งวันหนึ่ง ซังอี เด็กฝึกหัดในวัย 25 ปีที่ทำงานภายใต้สังกัดค่ายเพลงแห่งหนึ่งที่ตัวเขาเองก็ฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรีเช่นเดียวกันเดินผ่านมาเห็นอินซูร้องเพลง เขาก็เหมือนต้องมนต์สะกดอย่างประหลาดใจ
ระหว่างที่จะเดินทางกลับบ้านอีซังขึ้นรถเมล์ มินซองก็ขึ้นรถคันเดียวกัน แต่วินาทีที่เขาเปิดกระจกคุยกับอินซู ทำให้อีซองได้จดจำชื่อของอินซู และเริ่มนำชื่อของเขาไปเซิร์ชหาผลงานตามใน Youtube ทำให้เขาเริ่มทำความรู้จักกับอินซู และดูเหมือนเขาจะตกหลุมรักผู้ชายเสียงดีคนนี้แบบถอนตัวไม่ขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทที่อีซองทำงานกำลังจะค้นหาดาวดวงใหม่พอดี อินซูจึงกลายเป็นตัวเลือกที่อีซังเสนอให้กับยูจิน ผู้จัดการ (ซูบิน) นำไปพิจารณา
ตามที่ได้กล่าวไปว่า เมื่อเป็นซีรีส์ตอนสั้นๆที่เหมือนก้ำกึ่งจะเป็นหนังยาวในตัว ทำให้วิธีการเล่าของภาพรวม (พิจารณาในมุมของหนัง) ทำให้ประเด็นทุกอย่างดูรีบร้อนรวบตึงไปหมด ในหลายครั้งจะเห็นได้เลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอย่างอีซองและอินซู คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วจนบางทีคนดูก็แอบงงว่า “ไทม์ไลน์” หรือระยะเวลาที่ทั้งสองรู้จักกันนั้นกินเวลายาวนานแค่ไหน พวกเขาสนิทกันระดับไหน แล้วทำไมการลูบหัวแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างสนิทใจของอินซู ทำให้อีกฝ่ายอย่างอีซองเกิดอาการเข้าใจผิด
อย่างที่บอกไปว่าเมื่อทุกอย่างหดสั้นลง แต่จริงๆตัวละครแต่ละตัวมีเส้นเรื่องที่ควรค่าแก่การตามไปสำรวจ อาทิความเป็นมาของอินซูที่ดูจบแล้วเขาก็ยังดูเป็นตัวละครลับอยู่ดี อีซองที่มีความสามารถในการเล่นคีย์บอร์ด แต่ทำไมสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องมาทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศหรือเป็นผู้ช่วยของยูจิน ทั้งที่แววในการเป็นศิลปินของเขาก็ฉายออกมาอยู่ไม่น้อย กระทั่งตัวละครมินซองที่เป็นเหมือนผู้จัดการคนแรก ก็ดูเหมือนในแววตาของเขาเป็นห่วง แอบรักและมีใจให้กับอินซูมาตั้งแต่ไหนแต่ไร น่าเสียดายที่เมื่อทุกอย่างสั้นกุดไปหมด ประเด็นเหล่านี้จึงไม่ได้รับการสำรวจ ทุกอย่างถูกเล่าแบบผ่านๆด้วยความรีบเร่ง ส่งผลให้เราไม่ได้รู้จักตัวละครตัวไหนได้จริงๆ
แน่นอนเมื่อเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับความวายแล้ว จะต้องมีฉากแฟนเซอร์วิสอาทิ การตกหลุมรักครั้งแรกระหว่างอินซองและอีซอง ที่ฝ่ายหลงมาต้องมนต์สะกดในเสียงร้องเพลงของอินซองที่สวนสาธารณะ ฉากโชว์เหวออาทิอีซองอยากจะขอเบอร์โทรศัพท์อินซองแต่ก็ไม่กล้า ตัวละครทั้งสองต้องจับพลัดจับผลูมาอยู่ด้วยกัน ฉากอินซองถอดเสื้ออาบน้ำโชว์กล้ามซิคแพคแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฉากตัวละครลูบหัวเกาะไหล่ แต่ที่เด็ดดวงที่สุดคือฉากที่อีซองคว้าอินซองมาจูบและเกิดอาการสับสนเพราะหักห้ามความรู้สึกในใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นฉากไฮไลท์ของเรื่องแต่ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความรีบเร่งของบททำให้เป็นโมเมนต์ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นภาพซ้ำที่เราเห็นได้บ่อยครั้งจากซีรีส์วายในทุกเรื่อง
ท่ามกลางความรวบตึง ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าเสน่ห์และความน่ารักของอีซองในบทของหนุ่มขี้อายไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกไปตรงๆนั้น ทำให้เขาดูตัวเล็กและน่าทะนุถนอมประมาณ 10 เท่า ในขณะที่ทางด้านอินซอง (ที่ส่วนตัวผู้เขียนไม่ค่อยถูกจริตสักเท่าไหร่ เพราะหน้าแข็งมากจนรู้สึกไม่ธรรมชาติ ขออภัยแฟนคลับด้วยแต่เวลากล้องโคลสอัพหน้าเขาทีไรก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดทุกที) ก็นำเสนอความลึกลับดูน่าค้นหา
ท้ายที่สุด Wish You เป็นงานวายที่อาจจะไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยหนัง (ซีรีส์) ก็มาพร้อมกับบทเพลงเพราะๆที่ฟังแล้วติดหูชวนเคลิบเคลิ้ม ซึ่งสามารถเปิดรับชมได้ทางแอปพลิเคชั่น WeTV หรือดูเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ยาวๆ ทางสตรีมมิ่ง Netflix และ WeTV