2021 ปีที่ Cinderella เตรียมคัมแบคอีกครั้ง!

2021 ปีที่ Cinderella เตรียมคัมแบคอีกครั้ง!

2021 ปีที่ Cinderella เตรียมคัมแบคอีกครั้ง!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

อย่างที่ผู้คนทั่วโลกจะทราบกันดีว่าเรื่องราวของสาวใช้ผู้อาภัพกับรองเท้าแก้วนามว่า ซินเดอเรลล่า นั้นถูกเล่าขานมานับครั้งไม่ถ้วน มีการผลิตซ้ำ ยืมพล็อตไปใช้ เปลี่ยนโครงสร้างใหม่จนเราอาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ และยังน่าสนใจอยู่เสมอเมื่อเทพนิยายเรื่องนี้ถูกนำกลับมาสร้างใหม่

ถึงผู้คนจะจดจำเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นของดิสนีย์ได้ขึ้นใจเป็นอันดับหนึ่งและตราตรึงมาตลอดกาล และใหม่ล่าสุดก็คือเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นของผู้กำกับเคนเนท บราห์น่าห์ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ถือได้ซื่อตรงกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นที่สุด แต่คุณรู้ไหมว่าจริงๆแล้วในปี 1997 มีซินเดอเรลล่าอีกเวอร์ชั่นหนึ่งในชื่อ Rodgers & Hammerstein's Cinderella ซึ่งเป็นหนังออกฉายทางโทรทัศน์และมีการบันทึกเป็นวิดีโอเทปไว้ โดยมีนักร้องผิวสีอย่างแบรนดี้ (ที่ช่วงเวลานั้นยังเป็นเด็กสาววัยรุ่น) ผู้รับบทเป็นซินเดอเรลล่า ส่วนนางฟ้าแม่ทูนหัวนั้นได้ดิว่าผู้ล่วงลับอย่างวิทนีย์ ฮูสตันมารับบทบาทนี้ แถมตัวหนังเองยังไม่ธรรมดาเพราะเป็นหนังมิวสิคัลที่ทำเพลงขึ้นมาใหม่ทั้งหมดและไม่ได้อิงกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นแต่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมต้นฉบับ Cendrillon

ใครจะไปเชื่อว่าหนังเวอร์ชั่นนี้จะได้รับคำชื่นชมอย่างเกรียวกราว คะแนนใน Rotten Tomatoes ก็ถือว่าคะแนนสูงเอามากๆ แถมหนังเองยังเข้าชิงรางวัล Primetime Emmy Awards 1998 และคว้ารางวัล Outstanding Art Direction for a Variety or Music Program มาครอบครอง แต่เชื่อไหมว่าแทบทุกวันนี้ น้อยคนมากที่จะรู้จักว่ามีหนังเวอร์ชั่นนี้อยู่บนโลกแถมยังนำแสดงโดยนักร้องในระดับตำนาน!

ปัญหาสำคัญคือเหมือนหนังในเวอร์ชั่นนี้จะถูกหลงลืมไปจากความทรงจำ และดิสนีย์เองก็เพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองมีผลงานดีๆอยู่ในมือ ดังนั้นดิสนีย์จึงตัดสินใจนำ Rodgers & Hammerstein's Cinderella กลับมาลงสตรีมมิ่ง Disney+ อีกครั้งซึ่งจะมีกำหนดปล่อยวันที่ 12 กุมภาพันธ์ (แต่ในไทยก็คงต้องรอต่อไป)

นอกจากสองนักร้องอย่างแบรนดี้และวิทนีย์แล้ว ยังมีนักแสดงที่มีชื่อเสียงอาทิ เจสัน อเล็กซานเดอร์, วูปี้ โกลเบิร์ก, เบอร์เนต ปีเตอร์ส และวิกเตอร์ การเบอร์ อย่างไรก็ตามการที่ Rodgers & Hammerstein's Cinderella ฉายในช่วงเวลานั้นยังเป็นการบอกว่าดิสนีย์เองนั้นเป็นสตูดิโอที่ผลิตเรื่องราวเทพนิยายสำหรับทุกคน เหมือนที่ช่วงเวลานั้นแบรนดี้เองเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกฯ ว่า “การมีเด็กสาวเชื้อสายอเมริกัน-แอฟริกัน ผมหยิกมารับบทเป็นซินเดอเรลล่า มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ แสดงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความแตกต่างของมวลมนุษยชาติ ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านตัวละครในเรื่อง และฉันเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าคนทั่วไปเข้าใจในความหลากหลายและความแตกต่างนี้มันคงจะเป็นเรื่องดีมากๆที่เราจะมีโอกาสได้กลับชมเวอร์ชั่นนี้อีกครั้งค่ะ”

 

นอกเหนือจากเวอร์ชั่นของปี 1997 แล้วปี 2021 ยังมี Cinderella อีกเวอร์ชั่นที่รอคอยผู้ชมอยู่นั่นก็คือเวอร์ชั่นของสตูดิโอโคลัมเบีย พิคเจอร์ส ผลงานกำกับของเคย์ แคนนอน นำแสดงโดยนักร้องเพลงป๊อปชื่อดังอย่างสาวคามิล่า คาเบลโล ซึ่งตอนแรกนั้นหนังในเวอร์ชั่นนี้มีกำหนดฉายช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดระบาดทำให้หนังเลื่อนไปฉายในช่วงกรกฎาคม

นอกจากสาวคามิล่าแล้ว ไอดิน่า เมนเซล นักแสดงและเจ้าของเสียงร้องของเอลซ่า Frozen ในเพลง Let it go ก็มารับบทเป็นเอฟลินด์ แม่เลี้ยงใจร้ายของซินเดอเรลล่า ซึ่งไม่ต้องห่วงเรื่องผลงานการแสดงเลย เนื่องจากเธอผ่านงานแสดงละครบรอดเวย์เรื่องดังมาแล้วหลายเรื่องอาทิ Rent หรือ Wicked

สำหรับบทเจ้าชายโรเบิร์ตนั้นจะรับบทโดยนักแสดงชาวอังกฤษอย่างนิโคลัส กัลลิทซีน ซึ่งเขาจะเพิ่งมีผลงานในซีรีส์ Netflix อย่าง Chambers และเพิ่งเล่นหนังใหญ่อย่าง The Craft เวอร์ชั่นรีบูต ส่วนอีกหนึ่งนักแสดงเบอร์ใหญ่ไม่แพ้กันก็คือเพียร์ซ บรอสแนน ซึ่งเขาจะมาระบบทเป็นพระราชาผู้เป็นบิดาของเจ้าชายรูปงาม

อีกบทหนึ่งที่คนจับตามองก็คือบทนางฟ้าแม่ทูนหัว ซึ่งได้บิลลี่ พอร์เตอร์ นักแสดงผิวสีชาว LGBTQ ชื่อดังจากซีรีส์ Pose ผู้เคยคว้ารางวัลโทนี่และแกรมมี่ อวอร์สมาจากละครบรอดเวย์เรื่อง Kinky Boots ซึ่งคราวนี้บทนี้จะถูกเรียกใหม่แบบเก๋ๆว่า Fab G โดยตัวพอร์เตอร์ยังกล่าวแบบเก๋ๆอีกว่า “เพราะเวทมนตร์นั้นไม่มีเพศ” และเขายังกล่าวต่ออีกว่า “นี่เป็นเรื่องราวสุดคลาสสิกและเป็นเทพนิยายสำหรับคนในเจนเนอเรชั่นนี้ด้วย” เด็กสมัยนี้ควรได้เติบโตและเรียนรู้อะไรใหม่ๆจากเทพนิยายร่วมสมัยด้วย

Cinderella ในเวอร์ชั่นนี้เป็นผลงานการกำกับของเคย์ แคนนอน ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับเรื่องที่ 2 ต่อจาก Blockers ซึ่งก่อนหน้านี้เธอนั่งแท่นเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ให้กับหนังเพลงอย่าง Pitch Perfect 2 และ 3

ต้องอดใจรอกันอีกนิดว่าหญิงสาวกับรองเท้าแก้วในเวอร์ชั่นนี้จะออกมาโดนใจคนดูหรือเปล่า แล้วบทเพลงในหนังจะไพเราะแค่ไหน ปีนี้คงจะได้มีโอกาสชมกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook