นักแสดง Vincenzo ซงจุงกิ ชอนยอบิน อ๊กแทคยอน พูดถึงบททนายสุดเท่ และการทำงานร่วมกันครั้งแรก
เป็นที่ทราบกันดีในหมู่นักดูซีรีส์ว่า เรื่องที่เกี่ยวกับทนาย การไขคดีต่างๆ ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่สนุก ยิ่งเป็นซีรีส์ทนายที่เกี่ยวกับการต่อสู้ งัดข้อกับผู้ทรงอิทธิพลในสังคมยิ่งชวนลุ้นชวนตื่นเต้นได้ทุกตอน แต่ Vincenzo ซีรีส์เรื่องล่าสุดจาก tvN ที่ฉายให้แฟนๆ ทั่วโลกได้ดูพร้อมกันผ่าน Netflix เรื่องนี้เป็นมากกว่านั้น นอกจากจะเป็นการแท็คทีมไขคดีกับสามทนายสามบุคลิก นำแสดงโดย ซงจุงกิ รับบท Vincenzo ทนายมาเฟีย Consigliere จากอิตาลี, ชอนยอบิน รับบท ฮงชายอง ทนายสาวสวยแสนเย็นชา และ อ๊กแทคยอน รับบท จางจุนอู ทนายฝึกหัดสุดโก๊ะ แล้ว ยังเป็นซีรีส์แนว black comedy ที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันในซีรีส์เกาหลีอีกด้วย
Sanook TV/Movies มีโอกาสได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว Vincenzo APAC Press Con และเก็บบทสัมภาษณ์ของนักแสดงทั้ง 3 คนมาฝากกัน เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงเสน่ห์ของตัวละครแต่ละตัว การร่วมงานกันครั้งแรกของสามนักแสดงมากฝีมือ และสิ่งที่น่าสนใจใน Vincenzo ที่ทุกคนห้ามพลาด เริ่มวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ และจะออกอากาศทุกๆ คืนวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 21.00 น. ทาง Netflix เท่านั้น
คุณอธิบายคาแรคเตอร์ในเรื่องคุณว่าอย่างไร? ช่วยเล่าให้ฟังเพิ่มเติมได้หรือไม่ ว่าคุณเป็นทนายแบบไหน?
ซงจุงกิ: จุดร่วมของเราสามคนคือ เป็นตัวละครที่ประกอบอาชีพทนาย แต่เอาจริงๆ แล้วตัวละครเราต่างกันมาก ผมเป็นมาเฟียมาจากอิตาลี เรียกว่า Consigliere ถ้าเกิดรู้สึกว่าเข้าใจยาก ให้นึกถึงภาพยนตร์ดังเรื่อง The Godfather มีตัวละครชื่อว่า ทอม เป็นทนายความที่ปรึกษา อยู่ใต้อัลปาชิโน่ คอยควบคุมการทำงาน บท วินเซนโซ่ เป็นมาเฟียอิตาลีที่มาเกาหลี ถึงแม้จะไม่มีใบประกอบอาชีพในเกาหลี แต่ก็มาช่วยจัดการเรื่องราวต่างๆ รับบทแบบนั้นครับ
ชอนยอบิน: สำหรับฉันรับบท ฮงชายอง เป็นทนายตัวท็อปของบริษัทกฎหมายที่เกาหลี ฮงชายองไม่สนใจว่าอะไร “ดี” หรือ “ไม่ดี” แต่สนใจว่าทำแล้วตัวเองจะได้กำไรอะไร มองแต่ส่วนได้ส่วนเสีย เป็นคนที่วิ่งเข้าหาผลประโยชน์ของตัวเอง
อ๊กแทคยอน: ผมรับบท จางจุนอู ครับ จุนอูเป็นตัวละครที่ไร้เดียงสา ทำพลาดบ่อยๆ มองแต่ชายองเสมอ เป็นตัวละครที่จะทำให้คนดูเกิดความสงสัยว่า สอบผ่านเข้ามาได้ยังไงเนี่ย เป็นทนายฝึกหัดที่น่ารักมากครับ
เมื่อคุณได้อ่านสคริปต์ครั้งแรกคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ทำไมคุณถึงตกลงรับเล่นซีรีส์เรื่องนี้?
ซงจุงกิ: เหมือนกับที่เรากำลังทำ APAC Press Con ในตอนนี้ ซีรีส์ไม่ได้พูดถึงแค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะที่ไหน สังคมอะไร ประเทศใด ก็มีคนชั่วอยู่เสมอ ล่าสุดนี้เวลาดูข่าวที่เกาหลี ก็มีหลายเรื่องที่เห็นแล้วผมโกรธจนน้ำตาจะไหล ในซีรีส์เรื่อง Vincenzo มีตัวร้ายอยู่เยอะมาก ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นตัวร้ายที่มีอยู่จริงในโลกของเรา ซีรีส์มีวิธีการจัดการกับคนชั่วเหล่านั้นแบบแปลกใหม่ ทำให้รู้สึกโล่งใจ ทำให้มีความรู้สึกร่วมไปกับละครได้
ชอนยอบิน: ทุกตอนของซีรีส์ไม่สามารถคาดเดาได้ ดำเนินเรื่องไปแบบรวดเร็วและมีรายละเอียดเยอะ เลยรู้สึกว่าอยากร่วมงานนี้ ตัวละครแต่ละตัวในคดีเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ในบรรดาตัวละครเหล่านั้น ฮงชายองเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก รู้สึกทันทีเลยว่าอยากแสดงให้ได้ เป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นสัมผัสได้จากตัวบท นอกจากนี้ละครของเรายังเป็นละครที่ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ระหว่างความเยือกเย็นและความร้อนผ่าว สลับกันไปมา เป็นเสน่ห์ของละครเรื่องนี้
อ๊กแทคยอน: ตอนได้อ่านบท มีสองสิ่งที่ดึงดูดผม อย่างแรกคือ สตอรี่ไลน์ของบทและคำอธิบายที่อยู่ในนั้น ถูกเขียนออกมาอย่างดีมาก พอผมอ่านบทปุ๊บก็สามารถวาดภาพในหัวได้ปั๊บเลย สามารถเข้าใจสิ่งที่นักเขียนอยากจะสื่อออกมาได้ทันที เป็นบทที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นจริง (reality) ได้ อีกอย่างคือ ตัวละครจุนอู เป็นตัวละครที่จะได้เห็นการเติบโต เริ่มจากการที่คอยมองแต่ชายอง จะทำให้เกิดความสงสัยว่าจุนอูจะพัฒนาต่อไปยังไงบ้าง ก็เลยตัดสินใจรับบทนี้ครับ
ความประทับใจแรกของคุณที่มีต่อนักแสดงท่านอื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง? และเมื่อได้ทำงานร่วมกันในซีรีส์เรื่องนี้แล้ว มีความรู้สึกต่อกันอย่างไร? คุณมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพบว่าจะได้ทำงานร่วมกัน?
ซงจุงกิ: ผมได้เจอกับทั้งคุณยอบินและคุณแทคยอนเป็นครั้งแรกเลย ตอนได้ยินครั้งแรกว่าจะได้ร่วมงานกัน ผมได้เจอกับตัวละครผ่านจากในบทมาหมดแล้ว เลยรู้สึกว่าจับคู่ตัวละครกับนักแสดงได้ดีมาก เหมาะกับทั้งสองท่าน พอได้เจอตัวจริงครั้งแรก รู้สึกอุ่นใจ ตอนนั้นเจอกันที่มีตติ้งรวมกับสตาฟ รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเลยว่าถ่ายทำละครกับสองคนนี้จะต้องสนุกแล้วก็มีกำลังใจมาก แน่นอนว่าถ้าเริ่มถ่ายเมื่อไหร่ ก็จะต้องมีความยากลำบากเกิดขึ้น แต่สองคนนี้จะช่วยทำให้ถ่ายได้อย่างสนุกและมีกำลังอย่างแน่นอนครับ
ชอนยอบิน: เท่าที่รู้ ฉันถูกแคสเป็นคนแรกในเรื่อง Vincenzo ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะมีรุ่นพี่ซงจุงกิและอ๊กแทคยอนร่วมด้วย ก็รอคอยมาตลอดว่าจะเป็นใคร พอได้ยินข่าวก็ดีใจมากๆ สำหรับรุ่นพี่แทคยอนเราเคยเจอกันแป๊บนึงในละครเรื่อง Save Me ส่วนรุ่นพี่จุงกิ เป็นนักแสดงที่ฉันชอบที่สุดตอนสมัยเรียน เลยตื่นเต้นมาก รอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกัน พอได้มาเจอและร่วมงานกันรู้สึกว่ารุ่นพี่จุงกิเป็นคนที่ละเอียดมาก ได้เรียนรู้จากเขาเยอะมากทั้งในตอนนี้และตอนที่อยู่ในกองด้วย รู้สึกขอบคุณมากค่ะ
ส่วนรุ่นพี่แทคยอน เราเข้ากันได้ดีมากตั้งแต่การถ่ายทำครั้งแรก จนสงสัยว่า ได้รับพลังที่ดีและเข้ากันขนาดนี้ได้ยังไงนะ รู้สึกขอบคุณและถ่ายทำอย่างสนุกมาก เป็นสองท่านที่ฉันรักมากค่ะ
อ๊กแทคยอน: ผมก็เช่นกันครับ ตอนนี้เราก็กำลังถ่ายทำการอยู่ แต่ถ้าย้อนกลับไปครั้งแรกที่ได้เจอกัน รุ่นพี่จุงกิ เขาเป็น วินเซนโซ่ เรียบร้อยแล้วครับ มีทั้งความละเอียด ความเพอร์เฟ็คของ วินเซนโซ่ เห็นแล้วรู้สึกอิจฉาเลย เตรียมตัวมาไว้อย่างดีแล้ว ตอนที่เจอกันครั้งแรกและอ่านบทด้วยกัน จะมีความเป็นคอมมิกอยู่ในบท พอรุ่นพี่จุงกิพูดแค่คำเดียว คนในห้องก็ขำกันใหญ่เลย เห็นแล้วก็รู้สึกว่า ว้าว เขาเพอร์เฟ็คมากจริงๆ เป็นคนที่ทำให้คนรู้สึกอิจฉา
ส่วนชอนยอบิน ปกติคนส่วนมากจะรู้สึกกังวลการถ่ายซีนแรก ถ่ายทำครั้งแรก แต่ว่าขนาดซีนแรกก็ไฟลุกเลย มุ่งมั่นมาก ผมตกใจเลยครับ ตอนถ่ายครั้งแรกเป็นฉากที่ยอบินลงไปนอนราบกับโต๊ะ รู้สึกว่าตัวละครกับบทละครเข้าไปซึมซับในตัวเขาเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เคยเจอกันก่อนเรื่องนี้ด้วย ได้ซ้อมด้วยกันสองสามรอบ ผมรู้สึกว่าเขาเหมือนฟองน้ำ ซึมซับทุกอย่างแล้วปรับมาเป็นของตัวเอง และแสดงออกมาได้เท่มากครับ
เนื่องจาก Vincenzo มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับโลกของมาเฟีย คุณได้ศึกษาคาแรคเตอร์ของมาเฟียจากหนังเรื่องไหนมาก่อนบ้างมั้ย?
ซงจุงกิ: ตอนที่ได้ยินว่าจะทำละครเกี่ยวกับทนายความมาเฟียจากอิตาลี บอกตรงๆ เลยผมคิดว่า นี่มันอะไรเนี่ย เพราะว่าคอนเซปต์มาเฟียเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับเกาหลี เลยคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ แต่พอได้เห็นบทแล้ว ผมรู้สึกว่าผู้กำกับและนักเขียนได้ผสมผสานเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเกาหลีและคอนเซปต์ของมาเฟียออกมาได้เยี่ยมยอด มีหลายจุดที่ทำให้รู้สึกแปลกใหม่
ปกติผมจะหลีกเลี่ยงการรับบทที่เคยมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบทที่ผมเคยเล่นเองหรือว่าไม่ได้เล่นเองก็ตาม ในมุมนี้เรื่องนี้ก็เลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก ทนายมาเฟียที่จะมาจัดการกับคนชั่วร้ายมากๆ ในสังคมเกาหลี ตอนนี้สัมภาษณ์อยู่เลยต้องใช้คำสุภาพ แต่ที่จริงเป็นคนที่ ***มากๆ ร้ายมากๆ วิธีการจัดการแบบที่ผมก็รู้สึกอินไปด้วย ทำให้ได้รู้ว่าในใจผมก็มีความโกรธนี้อยู่มากเหมือนกัน
ตัวละครของคุณ ฮงชายอง คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อตัวละครหญิงที่คุณเล่นเป็นคนเย็นชาและพูดจาตรงไปตรงมา คุณคิดว่าตัวละครของคุณจะเป็น “girl crush” คนถัดไปของละครเกาหลีได้มั้ย?
ชอนยอบิน: ฮงชายองเนี่ยน่าจะเป็นแค่ “crush” เฉยๆ เลย ไม่เกี่ยวกับเพศ เป็นคนที่ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเอง จนบางทีถ้ามองในมุมของศีลธรรม ภาพชายองที่ไม่รู้สึกอายอะไรเลย อาจจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ในกระบวนการที่ชายองวิ่งเข้าหาความปรารถนาของตัวเองก็เป็นอะไรที่สนุก ความตรงไปตรงมาของชายองที่ต่างจากตัวฉันชอนยอบินที่ตรงไปตรงมาน้อยกว่าเธอ ก็สนุกด้วย รู้สึกว่าเป็นความสนุกที่ท้าทาย ในส่วนของ “Girl Crush” ชายองเป็นผู้หญิงแบบที่คุณจะไม่เคยได้พบมาก่อน หวังว่าจะรอชมกันค่ะ เป็นตัวละครที่คุ้มค่ากับการชมแน่นอนค่ะ
จางจุนอู ตัวละครของคุณ ค่อนข้างต่างจากภาพลักษณ์ผู้ชายแมนๆของคุณอยู่ซักหน่อย คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่รับเล่นเป็นตัวละครนี้?
อ๊กแทคยอน: ผมใช้ชีวิตเป็นตัวละครจุนอูมาได้ประมาณหกเดือนแล้ว ทุกอย่างสนุกมากเลยครับ ที่จริงแล้วตัวละครจุนอู เป็นตัวละครที่ไร้เดียงสา ไม่มีสติ มองแต่ชายอง ในส่วนเหล่านี้เวลาแสดงเป็นจุนอูก็เลยรู้สึกไม่หนักใจเท่าไหร่ สนุก สิ่งที่สำคัญสำหรับจุนอูคือ พยายามคว้าเอาสิ่งที่เขาต้องการมาให้ได้มากกว่าจากคอยรับความกดดันจากสังคม ในขณะที่แสดงเป็นจุนอูเลยรู้สึกสนุกมาก ผมคิดว่าถ้าให้คิดคติประจำใจในชีวิตจุนอู น่าจะเป็น “ใช้ชีวิตแบบ fun กันเถอะ” (ใช้ชีวิตแบบสนุกสนานกัน) เลยมีความรู้สึกที่สนุกสนานตลอดครับ
ทั้ง 3 คน รับบทเป็นทนายความ มีการเตรียมตัวหรือทำการบ้านเพิ่มเติมอะไรเพื่อรับบทนี้บ้างหรือไม่
ซงจุงกิ: แน่นอนว่าบททนายก็ต้องเตรียม แต่สำหรับวินเซนโซ่ การเป็นทนายก็แค่อาชีพของเขา แต่ในมุมของการนำเสนอตัวละครวินเซนโซ่ ผมพยายามจะนำเสนอความรู้สึกที่อยู่ในตัวละครออกมามากกว่า ผู้ชายที่เกิดและอาศัยในอิตาลีมาตลอดชีวิต กลับมาเกาหลีประเทศของแม่เขา เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ความเหงาและความเปล่าเปลี่ยวในตัวเขา และความแตกต่างของตัวเขากับสิ่งที่เกิดขึ้นในโซล ผมก็เลยพยายามจะเข้าถึงความรู้สึกของเขามากกว่าจะโฟกัสที่อาชีพทนาย
ชอนยอบิน: ฮงชายองเป็นทนายที่หมกมุ่นกับการเอาชนะ สำหรับฉันแล้วคำขยายของตัวละครนี้ที่ว่า “หมกมุ่นกับการเอาชนะ” สำคัญกับฉันมากกว่าจุดที่ว่าเธอเป็นทนาย ทำไมคนถึงอธิบายถึงเธอแบบนั้น เอาจริงๆ แล้วเป็นจุดที่ต่างกับตัวฉันค่อนข้างมาก ฉันไม่ค่อยชอบการแข่งขันเท่าไหร่ อยากจะเจอกันที่เส้นตรงกลางมากกว่า รอบนี้เธอชนะ รอบหน้าฉันชนะแล้วกัน เป็นคนที่ต่างกับฉันมาก เลยอยากหาตัวตนของเธอ การพูดเร็วๆ ท่าทางของเธอ ว่าโดยละเอียดแล้วมันเป็นยังไง แล้วลักษณะเหล่านั้น ความรวดเร็วในตัวของเธอมันมาจากอะไร โฟกัสตรงนั้นและสร้างตัวละครขึ้นมา
อ๊กแทคยอน: ในฐานะทนายฝึกหัด ผมไม่ได้เตรียมอะไรเลยครับ จุนอูเป็นทนายฝึกหัดก็จริง แต่ตามในบทแล้ว เขาไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยครับ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าตัวผมอ๊กแทคยอนน่าจะรู้อะไรเยอะกว่าจุนอูด้วยซ้ำ ก็เลยไม่ได้เตรียมอะไรเลยครับ จุนอูเป็นตัวละครที่ไม่รู้อะไรถึงขั้นนั้นเลยครับ
การได้รับบทเป็นคนอิตาเลียน ในซีรีส์คุณต้องพูดภาษาอิตาลีบ้างมั้ย? ถ้าใช่, คุณต้องเรียนภาษาอิตาลีสำหรับถ่ายทำเรื่องนี้เลยมั้ย หรือว่าคุณพอจะพูดได้บ้างมาก่อน? คุณต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง และจำประโยคไหนที่เป็นไดอะล็อคในซีรีส์ได้บ้าง?
ซงจุงกิ: มีฉากที่ต้องพูดอิตาเลี่ยนเยอะมากครับ มีแบคกราวฉากหลังเป็นอิตาลีด้วย ผู้กำกับและนักเขียนพยายามใส่ element ต่างๆ ที่ทำให้เห็นความแตกต่างของวินเซนโซ่และความเป็นเกาหลีจ๋าๆ ด้วย พยายามใส่จุดเด่นของอิตาลีเข้าไป ซึ่งส่วนที่เด่นที่สุดก็น่าจะเป็นภาษา ผมก็ตั้งใจเรียนภาษากับคุณครูอิตาเลียนและตั้งใจถ่ายทำอยู่ครับ
คุณและตัวละครของคุณมีความคล้ายคลึงกันมั้ย? มีอะไรที่ทำให้คุณสามารถรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครของคุณบ้างมั้ย?
ซงจุงกิ: ส่วนที่คล้ายกันมากที่สุดน่าจะเป็นความน่าเชื่อถือ ถ้าเปรียบเทียบกับการเล่นเบสบอลแล้ว เขาจะเป็นพิชเชอร์ที่น่าเชื่อถือ Vincenzo เป็นตัวละครที่ถ้าเห็นอะไรที่รู้สึกว่ามันผิด เขาก็จะรีบแสดงออกมาทันทีเลยว่าผิดนะ ซึ่งคล้ายกับตัวผมในชีวิตจริง ไม่ว่าจะในสถานการณ์หรือคดี ถ้ามีอะไรที่มันผิดแปลกไปจากสามัญสำนึกของผม ผมก็จะทนไม่ได้เช่นกัน
ถ้าเทียบกับเบสบอลก็คือเป็นพิชเชอร์ที่ขว้างลูกออกไปตรงๆ ขว้างแบบอ้อมๆ ไม่เป็น เป็นจุดที่วินเซนโซ่และซงจุงกิคล้ายกัน จุดที่ต่างก็ชัดเจนเลยครับ ซงจุงกิไม่เคยไปแถวอิตาลีเลย อยากไปมากๆ เลย โดยเฉพาะมิลานบ้านเกิดของ Vincenzo ผมอยากไปที่สุดแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปครับ
ชอนยอบิน: จุดที่คล้ายกับชายองคือ แพชชั่นและความรักที่มีให้กับงานของตัวเอง น่าจะเป็นอันนั้นค่ะ แล้วก็มีความกระหายที่อยู่ลึกในใจ เอาสิ่งนั้นมาเป็นพลังในการใช้ชีวิต ค่อนข้างคล้ายกัน แต่ว่าวิธีการแสดงออกและปลดปล่อยออกมาต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนแสดงเป็นชายอง บางทีก็รู้สึกเติมเต็มบางอย่างในตัวเช่น การได้มาเจอชายองทำให้ชีวิตชั้นเต็มเปี่ยมมากขึ้น ได้ลองเดินไปในเส้นทางที่ชั้นไม่เคยเดินมาก่อน
อ๊กแทคยอน: จุดที่ผมและจุนอูคล้ายกัน คือ เวลาที่สนุกก็จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน และทำให้คนอื่นรู้สึกสนุกไปด้วย จุดที่ต่างก็คือ จุนอูเป็นคนขี้โมโหมาก เวลาเขาโมโห จะมีบางอย่างที่เขาแสดงออกมา เป็นส่วนที่ต่างกับผม ผมเป็นคนที่ถ้าโมโหจะพยายามอดทนเอาไว้มากกว่า แต่จุนอูจะแสดงออกมาตรงๆ เลย เวลาสนุกเขาแสดงออกมายังไง เวลาโมโหเขาก็แสดงออกมามากเท่านั้น
คุณจุงกิ หลังจากการรับบทบาทในหนังและซีรีส์แนวแอ็คชั่นกับแฟนตาซีมาหลายเรื่อง อย่าง Space Sweepers, The Battleship Island และ Arthdal Chronicles, คุณรู้สึกอย่างได้บ้าง ที่ได้กลับมาสวมสูทอีกครั้งในซีรีส์?
ซงจุงกิ: ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เท่าไรครับ เวลาที่เลือกเล่นเรื่องไหน ผมไม่ค่อยสนใจเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกหรือวิชวลเท่าไหร่ แต่แฟนๆ หรือคนดูอาจจะสังเกตเห็นได้ชัดกว่า แต่สำหรับผมๆ ไม่ได้สนใจเท่าไรครับ
พอได้ฟังคำถามแล้วก็รู้สึกว่ามีส่วนที่คล้ายกันตรงที่อย่าง Arthdal Chronicles กับ Space Sweepers เป็นแฟนตาซีที่ไม่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษถึงเลือกมา แต่พอได้คำถามนี้แล้วก็รู้สึกว่าบริบทมันคล้ายกัน Vincenzo ก็เหมือนกัน
ในมุมนึงอาจจะมองได้ว่าเป็นละครที่อิงตามความจริงวิจารณ์สังคม แต่ในอีกมุมนึงผมคิดว่า Vincenzo ก็เป็นแฟนตาซีเหมือนกัน เป็นอะไรที่ไม่ค่อยเห็นในชีวิตจริง บางทีก็อยากทำอะไรแบบที่ วินเซนโซ่ ทำ เวลาเห็นอะไรที่ผิด ก็อยากจะชี้ออกไปเลย แต่ก็ไม่กล้าพอ ลังเล เป็นแฟนตาซีที่รวบรวมความต้องการที่จะให้มีใครสักคนมาทำเรื่องพวกนี้แทน ถ้ามองในมุมนั้นก็มีความคล้ายกันกับเรื่องก่อนๆ ที่ผมเล่นมา พอได้คำถามที่ก็เลยเพิ่งจะได้รู้สึกว่า นี่น่าจะเป็นแนวที่ผมชอบ
ระหว่าง Space Sweepers และ Vincenzo ความแตกต่างระหว่างการแสดงภาพยนตร์และซีรีส์ต่างกันอย่างไร? หลังจาก Space Sweepers และ Vincenzo คุณมองหาบทบาทแบบไหนที่อยากรับเล่นในอนาคต
ซงจุงกิ: ความต่างของ Space Sweepers และ Vincenzo ถ้าเป็นในแง่ตัวละคร ผมคิดว่า วินเซนโซ่ กาซาโน ใน Vincenzo คล้ายกับตัวผมมากกว่า แทโฮ ใน Space Sweepers ยิ่งอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามุมมองของผมเริ่มไปอยู่ที่คนรอบตัว ที่ๆ ผมอาศัยและละแวกบ้าน มากกว่าตัวผมเอง ผมคิดว่าวินเซนโซ่ก็พัฒนาและเติบโตไปแบบนั้นเช่นกัน เลยคิดว่าคล้ายกับตัวผมมากกว่า ส่วนแทโฮเนี่ย น่าจะคล้ายกับความขี้แพ้ในตัวผมและความพยายามที่จะแสดงมุมสดใสๆ ออกมา
ในส่วนของบทที่อยากลองในอนาคต ผมเคยบอกไปในสัมภาษณ์อื่นแล้วว่า บทที่อยากลอง ได้ลองหมดแล้ว เลยรู้สึกพึงพอใจมาก ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่โชคดีมาก คิดไปคิดมาแล้วผมน่าจะชอบแฟนตาซีนะครับเนี่ย ตอนเดบิวต์ ผมเคยอยากลองเล่นแนวแวมไพร์ไม่ก็หมาป่า แล้วก็ได้เล่นเรื่อง A Werewolf Boy อยากลอง Space Cinema ก็ได้เล่นเรื่อง Space Sweepers ได้มีโอกาสเล่นบทพระเจ้าเซจง บุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลี ผมคิดว่าความฝันหลายๆ อย่างของผมได้เป็นจริง
แต่มนุษย์ก็มีความโลภ ช่วงนี้ผมก็อยากจะลองแนวลึกลับ เหงาๆ แบบ under cover หนังที่ผมชอบที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือเรื่อง Tinker Tailor Soldier Spy ยิ่งพออายุมากขึ้นก็รู้สึกว่าอยากลองแสดงตัวละครที่ทำให้เห็นภาพสองด้าน ถ้าเป็นของเกาหลี ผมได้ดูหนังเรื่อง The Spy Gone North เกินสิบรอบ รุ่นพี่ฮวังจองมินได้แสดงตัวละครที่มีสองด้าน เวลาดูก็จะรู้สึกว่าต้องแสดงออกมายังไงนะ ช่วงนี้ผมสนใจแนวนี้ครับ
คุณยอบินและคุณแทคยอน เป็นเวลาเกือบสี่ปี นับจากซีรีส์เรื่องสุดท้ายที่คุณกับอ๊กแทคยอนได้ร่วมงานกัน เป็นอย่างไรบ้างที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งใน Vincenzo? แฟนๆจากซีรีส์เรื่องที่แล้วของพวกคุณ จะมีโอกาสได้เห็นคุณเข้าฉากด้วยกันมั้ย?
ชอนยอบิน: เทียบกับในเรื่อง Save Me แล้ว คราวนี้ได้เจอกันเยอะมาก ตอนเล่น Save Me ได้เจอกันสั้นๆ มีแต่ความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับรุ่นพี่แทคยอน ตอนนั้นเขาดูแลฉันอย่างดีมาก ครั้งนี้ได้มาเจอกันอีก ก็รู้สึกว่าเข้ากันได้ดีมากราวกับว่าเล่นละครด้วยกันมานาน
อ๊กแทคยอน: ผมก็ด้วยครับ
เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่เราได้เห็นคุณในละครเรื่องล่าสุด คุณเป็นอย่างไรบ้าง? นอกเหนือจากการเตรียมตัวสำหรับละครเรื่องนี้แล้ว คุณทำอะไรในช่วงเวลาว่างของคุณ?
อ๊กแทคยอน: ละครเรื่องก่อนฉายตอนเดือนมกราคมปีที่แล้ว ไม่ได้มาเจอกันหนึ่งปีแล้วจริงๆ ระหว่างนั้นผมได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ฮันซาน เป็นหนังพีเรียด ยุคโชซอนครับ ก็ตั้งใจถ่ายเรื่องนั้นแล้วก็ตอนนี้ตั้งใจถ่าย Vincenzo อยู่ ช่วงที่ว่างไปปีนึงก็ตั้งใจถ่ายภาพยนตร์แล้วก็กำลังจะได้มาเจอกับทุกคนอีกครั้งแล้วครับ คิดว่าในปีนี้น่าจะได้เปิดตัวผลงานเรื่องอื่นๆ ด้วย ผมก็จะตั้งใจทำงานอื่นๆ ด้วยจะได้เห็นหน้ากันบ่อยๆ ขอบคุณครับ
แฟนๆ ตื่นเต้นมากที่เห็นรายชื่อพวกคุณเป็นนักแสดงที่กลับมาเล่นซีรีส์ในปี 2021 การทำงานร่วมกันระหว่างถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง มีเรื่องสนุกๆอะไรเกิดขึ้นบ้างมั้ย? ในกลุ่มพวกคุณมีใครที่เป็น Mood Maker บ้างมั้ย?
ซงจุงกิ: ถ้าต้องเลือกคนเดียว ผมเลือกคุณอ๊กแทคยอนครับ ที่สัมภาษณ์อยู่ตอนนี้เขาพยายามบังคับใจตัวเองอยู่ แต่ที่จริงแล้วเป็นคนสดใสมาก เป็นคนที่ทำให้บรรยากาศกองถ่ายเบิกบาน ผมเชื่อว่าถ้าวันนี้นักแสดงคนอื่นมาด้วยก็คงจะพูดแบบนี้เหมือนกัน ที่จริงผมมีถ่ายกับคุณยอบินเยอะกว่าคุณแทคยอน แต่ขนาดซีนไม่เยอะ เขาก็ทำให้ผมหัวเราะออกมาจริงๆ ได้ตลอดเลย ตลกมากๆ ทำให้ได้รู้สึกอีกครั้งว่าเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทำงานในที่ๆ สนุกสนานขนาดนั้น
เรื่องสนุกๆ เอาจริงๆ แล้วมีเยอะมาก แต่อยากจะขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณหลายๆ ท่านและคุณอ๊กแทคยอนที่ทำให้กองถ่ายสนุกสนานครับ ทำไมอยู่ดีๆ ผมกลายเป็นคนดำเนินรายการครับเนี่ย
ชอนยอบิน: ชั้นก็เหมือนกันค่ะ ถ้าให้เรื่องมู้ดเมคเกอร์น่าจะมีหลายแบบค่ะ พี่แทคยอนเป็นเหมือนกับวิตามินค่ะ สดใสมาก ขาดไปไม่ได้ ส่วนพี่จุงกิเหมือนกับอ๊อกซิเจน จะไม่มีอยู่ไม่ได้ เป็นสองคนที่สร้างบรรยากาศให้กับพวกเรา เป็นบุคคลที่จำเป็นต้องมีอยู่ในกองถ่าย
อ๊กแทคยอน: งั้นผมเลือกคุณยอบินครับ ฉากที่ถ่ายกับคุณยอบิน มีแต่ฉากที่สดใส สนุก และบทชายองที่คุณยอบินเล่นก็เป็นตัวละครที่หลงตัวเอง เวลาเห็นภาพแบบนั้น ทั้งผู้กำกับ ทีมงาน นักแสดงทุกคนก็จะรู้สึกสนุก รู้สึกว่าเขาน่ารักน่าเอ็นดู ผมเลยขอเลือกคุณยอบินให้เป็นมู้ดเมคเกอร์ในกองถ่ายครับ
ผู้หญิงมักจะอยากเป็น “ผู้หญิงของเจมส์บอนด์” แต่ทำไมบทบาทของคุณถึงอยากจะเป็น “เจมส์บอนด์ของฮงชายอง” ช่วยบอกใบ้ให้พวกเราพอจะได้ไหม
อ๊กแทคยอน: มีพาร์ทที่จุนอูบอกว่าอยากจะเป็นเจมส์บอนด์ให้กับชาฮยอง จุนอูเป็นคนที่รักสนุก ชอบไล่ล่าสิ่งที่ตัวเองต้องการ สิ่งหนึ่งที่จุนอูต้องการก็คืออยากจะให้รุ่นพี่คนนี้เรียกหาตัวเองเวลาที่เธอต้องการอะไร ถ้าเธอเหนื่อยลำบาก ฉันสามารถเป็นทุกอย่างให้ได้แม้กระทั่งสปาย อยากให้เธอพึ่งพาฉัน ช่วยรอดูด้วยนะครับว่าผมจะได้เป็นเจมส์บอนด์ไหม
ทราบมาว่า เเทคยอนตัดสินใจเลือกทรงผมใหม่ เพื่อให้เข้ากับบทบาท จางจุนอู เพราะอะไรถึงตัดสินใจเลือกทรงนี้ เเละเข้ากับบทบาท จางจุนอู อย่างไร
อ๊กแทคยอน: ตอนได้รับบทจุนอูครั้งแรก ผมรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นคนต๊องๆ บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ตอนที่ต้องเลือกทรงผม ผมได้ทรงเดียวกับที่ทำอยู่ตอนนี้ ออกแนวเนี้ยบๆ ซึ่งมันก็เหมาะกับอาชีพทนาย แต่ถ้าจะแสดงภาพของจุนอู ผมว่าต้องนุ่มนิ่มมากกว่าเนี้ยบ ต้องดูไร้สติ วุ่นวาย ก็เลยเลือกดัดผม กลายเป็นหมาตัวโตเลยครับ
ชอนยอบิน: ทำไมไม่บอกว่าเป็นพุดเดิลล่ะ
อ๊กแทคยอน: กลายเป็นพุดเดิลตัวโตครับ
ได้ร่วมงานกับนักเขียนบท/ผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง
ซงจุงกิ: แนวของนักเขียนและผู้กำกับทั้งสองคนเข้ากันได้ดีมากเลยครับ สำหรับผมเนี่ยถือเป็นประสบการณ์ใหม่มาก ปกติแล้วละครเกาหลีส่วนมากนักเขียนจะเป็นผู้หญิง ผู้กำกับจะเป็นผู้ชาย แต่ว่าในเรื่องนี้นักเขียนเป็นผู้ชาย ผู้กำกับเป็นผู้หญิง วิธีการเข้าถึงละครก็เลยแปลกใหม่
ผู้กำกับคอยช่วยชี้ให้เห็นถึงจุดที่ผมนึกไม่ถึง ส่วนอะไรที่รู้สึกว่าคุ้นชินอยู่แล้วนักเขียนก็ช่วยทำให้มองเห็นมุมใหม่ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และสนุกมาก รู้สึกว่าโชคดีที่ได้เจอสองท่านนี้ การวิจารณ์สังคมอย่างหนักแน่นของนักเขียนและความเบิกบานของผู้กำกับ ถูกผสมกันออกมาเป็นละครที่มีความพิเศษ
ชอนยอบิน: ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับนักเขียนและผู้กำกับคือ เป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีเสน่ห์ เมื่อกี้ตอนแถลงข่าวก่อนหน้านี้ รุ่นพี่จุงกิบอกว่าพวกเราได้มาเจอกันราวกับโชคชะตากำหนดไว้ ฉันเห็นด้วยกับคำพูดนั้นมากๆ ทั้งนักเขียน ผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานทุกคนเหมือนได้มาเจอกันเพราะพรหมลิขิต และเรากำลังสนุกสนานกับโอกาสนั้นอยู่
อ๊กแทคยอน: ก่อนอื่นเลยผมรู้สึกเสมอระหว่างถ่ายทำว่าแค่ได้ร่วมงานกับสองท่านก็เป็นเกียรติแล้ว ตอนที่ได้บทมาแล้วก็ถ่ายทำเนี่ย รู้สึกว่าเหมือนเป็นการ collaboration ของอัจฉริยะกับอัจฉริยะ เลยพยายามจะไม่เป็นตัวถ่วง และตั้งใจทำงานครับ
ด้านไหนของซงจุงกิใน Vincenzo ที่พวกเราคาดหวังได้ว่า คุณไม่เคยแสดงให้เห็นในผลงานเรื่องอื่นๆของคุณมาก่อน?
ซงจุงกิ: ในส่วนของตัวละคร ผมคิดว่าไม่ต้องพยายามมองหาภาพใหม่ๆ จากผมก็ได้ครับ ที่พูดแบบนี้หมายความว่า ที่ผ่านมาผมดึงการแสดงทั้งหมดออกมาจากในตัวผม เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วมันก็คือตัวผมนั่นแหละครับ แต่ในส่วนของประเภทละคร (genre) จะสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่แน่นอนครับ เป็นละครที่มีความยูนีคพิเศษ นำประเด็นที่ดาร์กออกมาแสดงแบบสดใสและแปลกใหม่ คิดว่าให้ตั้งตารอจุดนั้นดีกว่า
ทำไมคุณคิดว่าแฟนๆควรจะติดตามชม Vincenzo ทันทีที่เริ่มฉาย? อะไรคือเสน่ห์ ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ ที่ทำให้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ?
อ๊กแทคยอน: เพราะผมแสดงครับ ล้อเล่นครับ มีนักแสดงยอดเยี่ยมหลายท่าน เรื่องราวก็สุดยอด ผู้กำกับก็เยี่ยม มีหลายๆ ท่านที่ช่วยพยายามทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ออกมายอดเยี่ยม ส่วนตัวรู้สึกว่าเหตุผลที่ต้องดูคือ คลิฟแฮงเกอร์ ในทุกอีพี ตอนจบที่ทำให้อยากรู้ตอนต่อไป จะเกิดอะไรขึ้น เชื่อมต่อกันยังไง ฝากช่วยดูกันด้วยครับ
ชอนยอบิน: ก่อนอื่นก็เพราะฉันแสดงค่ะ (หัวเราะ) สิ่งที่รู้สึกจากตอนอ่านบทคือ ทุกตอนเหมือนโชว์ดอกไม้ไฟเลยค่ะ แต่ละตอนรู้สึกเหมือนมีคนจัดงานเทศกาลที่สนามและฉันได้รับเชิญไป เขาจัดงานขนาดนี้แล้ว คนที่ไม่มานี่น่าเสียดายนะ อยากให้ทุกคนมาสนุกด้วยกันค่ะ
ซงจุงกิ: เป็นละครคอมเมดี้ที่ไม่ได้เห็นกันมานานครับ ในช่วงที่ไม่มีเรื่องให้เราหัวเราะกันได้เท่าไหร่ อยากให้เป็นสุดสัปดาห์ที่ทำให้ทุกคนหัวเราะ สนุกสนานไปกับครอบครัวได้ ดูแล้วไม่รู้สึกว่าหนักไป ผมจึงอยากแนะนำละครเรื่อง Vincenzo ให้ครับ
ในประเทศไทย Vincenzo ออกอากาศอีพีแรก วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ และจะออกอากาศทุกๆ คืนวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 21.00 น. ทาง Netflix เท่านั้น
อัลบั้มภาพ 30 ภาพ